เตือนคนไทย ถึงพฤติกรรมการกิน ระวังพยาธิไชขึ้นตา ผ่าตัดแล้วแต่จบที่ตาบอด

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องเตือนสายดิบทั้งหมาย เมื่อไม่นานมานี้ ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยอาจารย์นายแพทย์คณินท์ เหลืองสว่าง จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านจอตาและน้ำวุ้นตา และ ผศ.พญ.สิรินันท์ ตรียะเวชกุล จักษุแพทย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีคนไข้เป็นพยาธิปอดหนูขึ้นตา 

จากการตรวจสอบพบว่า คนไข้คนดังกล่าวชอบกินอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะกุ้งแช่น้ำปลา ซึ่งคนไข้เป็นหญิงอายุประมาณ 40 ปี อาชีพรับราชการ มีอาการตาพร่ามัวข้างเดียวมา 1 สัปดาห์ ไม่พบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร หมอจึงทำการตรวจตาอย่างละเอียดในอีก 3 สัปดาห์ต่อมา และขยายม่านตา ทำให้พบว่าม่านตาอักเสบ และพบพยาธิปอดหนูในวุ้นตา รายแรกของจังหวัดพิษณุโลก

ด้าน อาจารย์นายแพทย์คณินท์ เหลืองสว่าง เมื่อได้รับเคสมา จึงให้ผู้ป่วยทานยาฆ่าพยาธิและยาลดอาการอักเสบ และทำการผ่าตัด 1 ชม. จึงเอาพยาธิออกมาจากตาได้ จากนั้นเอาไปดูจึงพบว่าเป็นพยาธิปอดหนู ขนาด 0.5 ซม. ซึ่งพยาธิดังกล่าวเป็นพยาธิตัวเต็มวัยสองเพศ อาศัยในหลอดเลือดแดงของปอดหนู พยาธิตัวเมียจะออกไข่ในหลอดเลือดแดงและฟักเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1 ปนออกมากับมูลหนู 
 

จากนั้นตัวอ่อนจะไชเข้าหอยทากหรือหอยน้ำจืด เช่น หอยโข่ง หอยขม หอยเชอรี่ กุ้งน้ำจืด ปลาน้ำจืด และจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ หากใครกินอาหารสุกๆ ดิบๆ พยาธิก็จะเข้าสู่ระบบประสาท เช่น สมอง ไขสันหลัง หรือตา ซึ่งหลังจากผ่าตัดพบว่า ตาข้างขวาของผู้ป่วยไม่สามารถกลับมามองเห็นได้ เนื่องจากพยาธิชอนเข้าไปในจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาเป็นหนอง และตาบอดสนิท 

โดยจากนี้จะทำการเช็กร่างกายอย่างละเอียดว่ามีพยาธิในตำแหน่งอื่นของร่างกายหรือไม่ อีกทั้งเคสของคนไข้รายนี้คือ มีอาการตามัวลงอย่างเฉียบพลัน แต่ไม่ปวด ไม่เคืองตา และจากการซักประวัติคนไข้พบว่า ชอบกินอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะกุ้งน้ำจืดที่ทานในเมนูกุ้งแช่น้ำปลา

อย่างไรก็ตาม ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ ได้ฝากเตือนว่า ให้หยุดรับประทานอาหารสุกๆดิบ ๆ ให้กินเฉพาะอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถ้าหากพยาธิเข้าไปตามจุดสำคัญของร่างกาย เช่น ระบบประสาท สมอง ไขสันหลัง สุดท้ายแล้วอาจจะเสียชีวิตได้