- 14 ก.พ. 2565
ภรรยาหลวง อ่านทางนี้ เปิดข้อกฎหมาย ฟ้อง ภรรยาน้อย ได้ไหม น้อยคนจะรู้ว่า เมียหลวง สามารถเรียกร้องเอาผิดตามกฎหมายกับพวก “เมียน้อย” และเรียกค่าเสียหายได้เช่นกัน
ไหนๆ ก็เป็นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ทางไทยนิวส์ออนไลน์นั้นจะพาไปดูข้อมูลที่ต้องบอกว่า "ภรรยาหลวง" ต้องฟังให้ดี เพราะถ้าหากสามีของเรานั้นมีบ้านเล็ก บ้านน้อย ตัวภรรยาหลวงเองนั้น จะสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่?
ซึ่งต้องบอกว่าข้อมูลที่จะนำมาเสนอนั้น น้อยคนจะรู้ว่า “เมียหลวง” สามารถเรียกร้องเอาผิดตามกฎหมายกับพวก “เมียน้อย” และเรียกค่าเสียหายได้เช่นกัน...
โดยตามข้อกฎหมายนั้น หาก “เมียหลวง” มีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องกับ “สามี” ฉะนั้นสิทธิของภรรยาจะถือว่าชอบด้วยกฎหมายทันที ยิ่งถ้าในอนาคตมี “บุคคลที่สาม” หรือที่เรียกตามภาษาปากว่า “เมียน้อย” เข้ามาพัวพันฝ่ายชาย ที่มีการอยู่กิน และจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กัน
ทางฝ่าย “เมียหลวง” สามารถยื่นฟ้องเรียกค่าทดแทน “บุคคลที่สาม” ที่มาแย่งสินสมรสได้เลย หรือจะฟ้อง “สามี” เพื่อขอหย่าร้าง และขอแบ่งสินสมรส หรือขอค่าทดแทนได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง เคยระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า สิทธิของ “เมียหลวง” ตามกฎหมายไทย มีสิทธิฟ้อง “เมียน้อย” เรียกค่าเสียหายได้โดยไม่ต้องหย่ากับ “สามี” แต่ต้องมีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ภายใต้เงื่อนไข คือ
1.สามารถฟ้องเมียน้อยโดยไม่ต้องหย่ากับสามี (ฎ320/2530) หรือจะหย่าก็ได้
2.ต้องไม่รู้เห็นเป็นใจหรือสมัครใจให้คู่สมรสนอกใจ
3.ต้องรีบฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่รู้ หรือควรจะรู้เรื่อง
ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ แต่จะฟ้องให้ทั้งคู่หยุดความสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะสภาพคำขอไม่เปิดช่องให้ทำได้...
โดยหากเราดูตามข้อกฎหมายนั้น เมื่อดูจากข้อกฎหมายแล้ว ถ้า “เมียหลวง” ฟ้องร้อง “เมียน้อย” ได้ จะต้องมีการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องกับ “สามี” เสียก่อน เพราะการ “อยู่กินฉันสามีภรรยา” มานานเพียงใด ถ้าหาก “ทะเบียนเป็นโมฆะ” หรือ “ไม่ได้จดทะเบียนสมรส” ก็ไม่มีสิทธิรับทรัพย์สินอีกฝ่ายได้ หรือไม่มีสิทธิรับมรดกของอีกฝ่าย กรณีมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นด้วย
ยกเว้น “ทรัพย์สินอื่น” ที่ได้ทำมาหากินร่วมกัน ระหว่าง “อยู่กินฉันสามีภรรยา” ที่เรียกว่า “กรรมสิทธิ์ร่วม” ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะใส่เป็นชื่อของฝ่ายใด สามารถฟ้องเรียกร้องทรัพย์สินได้ครึ่งหนึ่งเสมอ
แต่ถ้าไม่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง แม้จะมีการจัดงานใหญ่โต หรือเปิดให้คนในสังคมรับรู้ว่าเป็น “สามีภรรยา” กัน ก็ไม่เป็นผลทางกฎหมาย หรือไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย “ชู้” หรือ “เมียน้อย” ได้นั่นเอง!!
ทั้งนี้ในกรณีที่ “เมียหลวง” ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ต้องการฟ้องร้อง “เมียน้อย” จะต้องมีการเตรียมหลักฐานต่างๆ ให้พร้อมเพรียง ไม่เช่นนั้นหาก “ฟ้องลอยๆ” โดยปราศจากหลักฐาน จากโจทก์อาจกลายเป็นจำเลยแทน ฐานหมิ่นประมาท หรือเบิกความเท็จ
ส่วนหลักฐานที่ “เมียหลวง” ต้องมีประกอบด้วย
1.ชื่อนามสกุลของ “เมียน้อย”
2.หลักฐานคบชู้กับสามี เช่น ภาพถ่าย , คลิปเสียง , คลิปวิดีโอ
3.หลักฐานข้อความสนทนาเชิงชู้สาว เช่น SMS โทรศัพท์ , แชทข้อความเฟซบุ๊กหรือไลน์
4.หลักฐานการถือครอง หรือซื้อทรัพย์สินให้แก่กัน (ถ้ามี)
5.หลักฐานการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารให้แก่กัน (ถ้ามี)
6.พยานบุคคลที่เห็นพฤติกรรม (ถ้ามี)
สืบเนื่องจากข้อมูลข้างต้นที่เรานำมาเสนอนั้น ทางไทยนิวส์จะพาคุณผู้ชมนั้น ย้อนไปดูอีกหนึ่งคดีของเมียหลวงที่สามารถเอาชนะคดีเมียน้อยได้สำเร็จ โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้น นางนิภาพรรณ หรือ น้องจอย อายุ 33 ปี ถือทะเบียนสมรสเข้าไปบุกงานแต่งของบ่าวสาวคู่หนึ่ง โดยระบุว่าฝ่ายชายคือ สิบตำรวจเอกนายหนึ่ง อายุ 34 ปี ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท สามีของเธอที่จะทะเบียนสมรสและอยู่กินกันมา 16 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่แอบมาแต่งงานกับสาวอื่น จนเกิดภาพที่มีการโต้เถียงกับฝ่ายชาย ที่เธอระบุว่าเป็นสามี แต่ฝ่ายชายและเจ้าสาวกลับทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไล่เธอออกจากงาน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้า วันที่ 18 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์นำไปสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย โดยฝั่งเมียหลวงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท ในขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า เมียน้อยเตรียมฟ้องกลับ เรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท เพราะเมียหลวงทำให้อับอาย แต่เมียหลวงก็ฝากถึงสาวคนใหม่นิ่มๆว่า จะฟ้องกลับ ก็จ่ายที่ตนจะฟ้องมาก่อน
ก่อนที่ในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.64 ทนายของนางนิภาพรรณ เมียหลวง ออกมาโพสต์ข้อสรุปของคดีแล้วว่า
พิเคราะห์แล้ว ศาลเห็นว่า เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดีประกอบฐานะทางสังคมและหน้าที่การงานของโจทก์และนาย.....โดยเฉพาะการที่โจทก์กับนาย.....อยู่กินและสมรสกันมากว่า 15 ปี ทั้งมีบุตรด้วยกันถึง 2 คนและมีสถานะครอบครัวที่มั่นคง ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ จึงเห็นสมควร ให้จำเลยชำระค่าทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท (ที่ขอ 300,000 บาท) พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามกฎหมาย
ซึ่งหลังจากศาลมีคำตัดสิน นางนิภาพรรณ ก็ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กของตัวเอง ระบุข้อความว่า
ถามว่าในคำว่าสะใจน่าจะได้มากกว่า 300,000 แต่กับคำว่าอับอายทั่วประเทศออกสื่อสังคมคุ้มมากกว่าเงินแล้วเราได้สวยขึ้นได้เปิดตัวมูลค่ามากกว่า200,000+ดอกเบี้ย
แบบนี้ต้องขอบคุณบทเรียนครั้งนี้#อำลาวันเก่า#ต้อนรับกับความสวยหน้าใหม่ค่ะ
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคดีตัวอย่างที่ทางเมียหลวงสามารถเอาชนะคดีเมียน้อยได้สำเร็จ