- 15 ก.พ. 2565
โรงพยาบาลออกชี้แจงแล้ว กรณี "สาวท้องแก่" รายหนึ่ง ไปรพ. หมอไม่มาผ่าคลอดให้ แถมติดต่อไม่ได้ สุดท้ายสายเกินแก้
จากกรณี สาวท้องแก่ในจังหวัดลพบุรี ที่ได้ลางานเพื่อมาคลอดลูก และยังได้สร้างบ้านไว้เพื่อที่จะให้ยายเอาไว้เลี้ยงดูหลานที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่สุดท้ายกลับต้องเสียลูกชาย จากการฉลองรับลูกชายคนแรก กลายเป็นงานศพแทน เหตุหมอที่รับฝากครรภ์แบบพิเศษไม่ยอมมาดูแลตอนกำลังจะคลอด แถมยังติดต่อไม่ได้ มาเจอหน้าอีกทีตอนรู้ว่าลูกชายสิ้นใจคาท้องแล้ว
เบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้มอบเงินเยียวยาเพื่อให้การช่วยเหลือกับทางญาติไปจำนวนหนึ่ง โดยทางญาติเอง ไม่อยากจะรับในตอนแรก เกรงว่าต่อไปทางโรงพยาบาลจะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทางโรงพยาบาล ยืนยันจะมีการส่งเรื่องนี้เข้ากองทุน เพื่อที่จะให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน ทางญาติจึงตัดสินใจรับเงินเยียวยาในเบื้องต้นเอาไว้
ทางโรงพยาบาล ได้ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่ได้ทำคลอดให้ในวันนั้น เนื่องจากน้ำคร่ำยังไม่เดิน ปากมดลูกเปิดเพียงแค่ 1 เซนติเมตร ซึ่งตามปกติ ต้องเปิดราว 5-10 เซนติเมตร จึงจะทำการคลอดให้ แต่เห็นว่าน้ำคร่ำยังไม่เดิน จึงเลื่อนการผ่าตัดออกไป ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิต เชื่อว่าเกิดจากการที่สายสะดือพันคอ โดยไม่เกี่ยวกับที่โรงพยาบาลไม่ยอมผ่าตัด
หมอประจำคลินิก ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ตนเองเพิ่งจะรับฝากท้องแม่และเด็ก ได้เพียงครั้งเดียว คือราวช่วงเดือนมกราคม 2565 มาทราบอีกครั้งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าแม่และเด็ก เข้าโรงพยาบาล และทราบจากพยาบาลว่ามดลูกเปิดได้แค่ 1 เซนติเมตร และไม่มีอาการน้ำคร่ำเดิน จึงยังไม่ตัดสินใจผ่าตัดให้ อีกทั้งการตรวจสภาพร่างกายเด็กด้วยอุปกรณ์การแพทย์ พบว่าเด็กมีสภาพร่างกายแข็งแรง จึงยังไม่ทำการผ่าตัด จนมาวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 มาทราบอีกครั้งว่าเด็กไม่มีชีพจรแล้ว และทางหมอประจำคลินิก ก็ได้ทำการผ่าตัด และทำแผลให้กับทางผู้เป็นแม่มาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ 10-11-12 และ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
นางสาวจิราภร แม่ของเด็ก เผยว่า ครั้งแรกตนมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และได้โทรไปถาม เพราะว่ามีมูกออกมา จะต้องมีมูกขนาดไหนถึงจะไปโรงพยาบาล เพราะมีอาการท้องปั้น ก็ได้คำตอบว่า ถ้าไม่มั่นใจก็ให้ไปเลย เพราะแต่ละเคสไม่เหมือนกัน บางคนปวดท้อง บางคนไม่ปวดท้อง เลยเดินทางไปโรงพยาบาล เข้ารับการตรวจ ปากมดลูกเปิด 1 เซนติเมตร ท้องปั้นถี่บ่อย หมอให้แอดมิทเผื่อเจ็บท้องแล้วพอเช้ามา ทางโรงพยาบาลก็เปลี่ยนใจให้กลับบ้าน จนกระทั่งได้มาเจอหมอที่ฝากครรภ์พิเศษ ช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ตอนเย็น หลังจากลูกตายแล้ว โดยหมอรับฝากครรภ์เมื่อมาถึงก็ทำการอัลตราซาวด์ แล้วแจ้งกับตนว่า เด็กในท้องเสียแล้ว