เช็กอาการโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ลักษณะอาการแตกต่างกันอย่างไร

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยตอนนี้ โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน (Omicron) ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลายคนต่างวิตกกังวลในการใช้ชีวิต และเกิดอาการแพนิคว่าวันนี้ติดโควิดแล้วหรือยัง วันนี้ทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์จะมาพาสังเกตอาการโควิด ว่าแต่ละสายพันธุ์มีอาการแตกต่างกันอย่างไร โดยจากข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุไว้ดังนี้

 

- สายพันธุ์ S เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในระลอกแรกของประเทศไทยอาการ : ไอต่อเนื่อง ลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่น หอบเหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้ 37.5 องศาขึ้นไป

- สายพันธุ์อังกฤษ หรือ สายพันธุ์อัลฟา อาการ : มีไข้  (มักมีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป) ไอ เจ็บคอ หนาวสั่น อาเจียน ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ท้องเสีย การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ

- สายพันธุ์อินเดีย หรือ สายพันธุ์เดลตา อาการ : คล้ายหวัดธรรมดา ไม่ค่อยสูญเสียการรับรส มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ 
 

- สายพันธุ์เบตา หรือ สายพันธุ์แอฟริกา อาการ : เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นตามผิวหนัง นิ้วมือ/เท้าเปลี่ยนสี การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ

 

- สายพันธุ์โอไมครอน หรือ สายพันธุ์โอมิครอน ในประเทศไทยตอนนี้พบว่ากำลังเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อมี 8 อาการที่พบมากที่สุด คือ อาการไอ 54 % , เจ็บคอ 37 %  , มีไข้ 29 % , ปวดกล้ามเนื้อ 15 % , มีน้ำมูก 12 % , ปวดศีรษะ 10 % , หายใจลำบาก  5 % , ได้กลิ่นลดลงมีเพียง  2 % และพบว่า 48% ไม่มีอาการ

 

และล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 65 นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้อัปเดตข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนจากข้อมูล 53,709 ราย พบว่าไม่มีอาการ 53.1% มีอาการป่วย 46.9% ส่วนใหญ่เจ็บคอ ไอ หรือมีไข้ต่ำๆ เป็น 3 อาการหลักๆที่เจอตอนนี้ หากเป็นกลุ่มเสี่ยงอาจกลายเป็นอาการหนัก เชื้อลงปอดได้ ดังนั้นสังเกตอาการแรกๆ หากมีเจ็บคอ ไอ ให้รีบตรวจ ATK ทันที

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางพันธุกรรม ของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับ อาการโอไมครอน ดังนี้ เจ็บคอ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล จาม เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดหลังส่วนล่าง