- 15 มี.ค. 2565
รู้จัก โควิดโอไมครอน BA.2.2 สายพันธุ์ใหม่จากฮ่องกง มีระยะฟักตัวกี่วัน แพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นแค่ไหน
เกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน (Omicron) ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับให้ประชาชนจำนวนมาก โดยล่าสุดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.2 เริ่มที่จะระบาดในหลายประเทศ รวมถึงฮ่องกงในช่วงนี้ ขณะที่ประเทศไทย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อเข้าข่ายโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.2 จำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ 1 ราย และคนไทย 3 ราย แต่อาการไม่รุนแรงและรักษาหายแล้ว
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก GISAID ที่เป็นฐานข้อมูลเชื้อก่อโรคโควิด-19 ของโลก พบว่า ณ วันที่ 13 มี.ค.2565 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ยังเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหลักทั่วโลก ส่วน BA.2 ขณะนี้มีรายงานสายพันธุ์ย่อยแล้ว 3 สายพันธุ์ คือ
- BA.2.1 จำนวน 532 ราย
- BA.2.2 จำนวน 68 ราย
- BA.2.3 จำนวน 1,938 ราย
สำหรับโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.2 ปัจจุบันในฮ่องกงพบ 386 ราย และ อังกฤษ 289 ราย และประเทศไทย 4 ราย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยที่มาจากคนละสาย จำเป็นจะต้องมีการติดตามต่อไป แต่จากการประเมินเบื้องต้น ณ วันที่ 13 มี.ค. 2565 ใน 4 เรื่อง ดังนี้
1. ความสามารถในการแพร่ (transmission) จากข้อมูลทางระบาดวิทยาไม่มีข้อมูลว่าแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น
2. ความรุนแรงของโรค ไม่มีข้อมูลว่าอัตราป่วยและอัตราเสียชีวิตสูงกว่าพันธุ์อื่น ๆ ไม่มีข้อมูลทางระบาดวิทยามาสนับสนุนว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโอมิครอนที่มีการกลายพันธ์ สไปก์โปรตีน I1221T มีอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์โอไมครอนอื่นๆ
3. ผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน ไม่มีข้อมูลว่ามีผลให้ประสิทธิภาพวัคซีนลดลง หรือหลีกหนีวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์โอไมครอนอื่นๆ
4. ระยะฟักตัวและระยะเวลากักตัว เนื่องจากไม่มีข้อมูลแต่การกลายพันธุ์นี้ไม่ควรส่งผลต่อการฟักตัวหรือระยะแพร่เชื้อของสายพันธุ์นี้
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ฮ่องกงและทั่วโลก กำลังประมวลผลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ BA.2.2 กับข้อมูลทางคลินิกเพื่อตอบปัญหาสำคัญ 6 ประการ
1. BA.2.2 มีกลายพันธุ์ไปมากกว่า BA.2 หรือไม่ และตำแหน่งใดบ้างโดยเฉพาะในส่วนยีนที่ควบคุมโครงสร้างของหนาม (spike) ที่เปลือกของอนุภาคไวรัส ในเบื้องต้นทราบแล้วว่า BA.2.2 มีการกลายพันธุ์ไป 2 ตำแหน่งที่ไม่พบในสายพันธุ์หลักและสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ คือ "S:I1221T" และ "ORf1a: T4087I"
2. BA.2.2 แพร่ระบาด (transmissibility) รวดเร็วกว่า BA.2 หรือไม่
3. BA.2.2 ก่อให้เกิดอาการของโรคโควิดได้รุนแรง (severity) กว่า BA.2 หรือสายพันธุ์ที่น่ากังวลใจ (variants of concern) อื่นๆ เช่น อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา หรือไม่
4. BA.2.2 สามารถด้อยประสิทธิภาพของวัคซีนลงมากกว่า BA.2 หรือไม่
5. ยารักษาโมโนโคลนอลแอนติบอดีตัวล่าสุด "โซโทรวิแมบ" (Sotrovimab) ที่ใช้ต่อต้านโอมิครอน ยังสามารถจับกับ BA.2.2 ได้อยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ของระบบทางเดินหายใจ
6. ใช่หรือไม่ ที่ BA.2.2 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในฮ่องกงสูงที่สุดในโลก
ขอบคุณข้อมูล : Center for Medical Genomics