หนุ่มเหลืออด ย่าถูกรถชน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ พร้อมเหตุผลโกรธกว่าเดิม

หลานลุกขึ้นสู้เพื่อคุณย่า หลังข้ามถนนไปซื้อกับข้าวให้หลาน แต่กลับโดนชนที่ความเร็ว 130 กม./ชม. พอจะแจ้งความตำรวจไม่ยอม ให้ไปไกล่เกลี่ยก่อน

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกชาวเน็ตแชร์พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กKittipat  Hiraprayoonpong ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวคุณย่าของตนถูกรถชนแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความทั้งที่คู่กรณีขับมาด้วยความเร็วสูงพร้อมเล่าเรื่องราวเอาไว้ว่า...

 

หนุ่มเหลืออด ย่าถูกรถชน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ พร้อมเหตุผลโกรธกว่าเดิม
 

ย่าผมโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มี.ค. กำลังข้ามถนนไปซื้อข้าวให้หลาน โดยที่มองดีแล้วว่าไม่มีรถมา คนขับเข้าชนที่ประมาณ 130 km/h  ย่าผมเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ คนขับไม่เป็นอะไรมาก ตำรวจให้ไปไกล่เกลี่ยก่อน (ได้เหรอ?) แล้วตอนนี้ลงแค่บันทึกประจำวันไป พอจะแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตำรวจบอกว่า สารวัตรเจ้าของคดีไม่อยู่ ทำเรื่องไม่ได้ ผมอยากให้พื้นที่นี้เป็นเสียงที่ประกาศถึงความล่าช้าของหน่วยงานรัฐที่ได้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน แต่ทำงานอย่างกับทำงานฟรี ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใคร ๆ อีก ไม่อยากให้มีย่าผมคนถัดไป ไม่อยากให้มีหมอกระต่ายคนถัดไป และย่าผมจะต้องไม่ตายฟรีครับ

 

หนุ่มเหลืออด ย่าถูกรถชน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ พร้อมเหตุผลโกรธกว่าเดิม

โดยทางผู้โพสต์ยืนยันว่าจะทวงความยุติธรรม เพื่อให้ทุกคนก่อนหน้า และทุกคนหลังจากนี้ ได้รับความยุติธรรมให้ถึงที่สุด และให้ความบัดซบจบลงที่ยุคนี้ เพื่อให้คนเดินเท้าได้รับสิทธิ์อย่างประเทศที่เจริญแล้ว ต้องมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องสังเวย ประเทศไทยถึงจะแก้ไข

ทั้งนี้ พบว่า ทางคนชนก็ยอมรับว่า ขี่รถมาด้วยความเร็วสูงที่ประมาณ 100 กม./ชม. เมื่อเห็นว่าคุณย่าจะเดินข้ามถนน คนขี่รถก็เข้าใจว่าคุณย่าจะเดินต่อไปเลยแต่ด้วยความที่ตกใจคุณย่าจึงหยุดกลางถนนและทำให้พุ่งชน