ทำความรู้จัก ยารักษาโควิด 4 ชนิดทั้งเก่าและใหม่ คุณสมบัติ - ราคาที่ต้องจ่าย

ทำความรู้จัก ยารักษาโควิด 4 ชนิดทั้งเก่าและใหม่ คุณสมบัติ - ราคาที่ต้องจ่าย ติดตามกันอย่างต่อเนื่องกับ โควิดในไทยวันนี้ ที่ยังวางใจไม่ได้จริงๆ ซึ่งตามข้อมูลที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 ได้แจ้งข้อมูลโควิดวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 พบว่า ผู้ป่วยรายใหม่อยู่ที่ตัวเลข 24,996 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 84 ราย นอกจากนี้จากข้อมูลจะเห็นว่า ยังมีผู้ป่วยปอดอักเสบและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 1,432 ราย

ล่าสุด นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงข้อมูลยารักษาโควิดที่ใช้ และจะใช้ในประเทศไทย 4 ตัว ประกอบด้วย ฟาวิพิราเวียร์ , เรมดิซิเวียร์ , โมลนูพิราเวียร์ และ แพกซ์โลวิด ซึ่งสำหรับยา ฟาวิพิราเวียร์ มีการใช้มาแล้ว 2 ปี 

โดยช่วงแรกศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศที่มีการนำยานี้มาใช้ กลไกออกฤทธิ์โดยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส จากการทบทวนข้อมูลอย่างเป็นระบบ ล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีอาการดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา โดยเฉพาะในช่วง 14 วัน สัดส่วนอาการดีขึ้น 86.9%

ส่วนยา เรมดิซิเวียร์ มีกลไกการออกฤทธิ์ตำแหน่งเดียวกับยาฟาวิพิราเวียร์  ช่วงเริ่มต้นองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้แนะนำหรือรับรอง แต่เมื่อใช้ยามาสักระยะก็ได้รับการรับรองจาก อย.สหรัฐให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ 

 

โดยให้ทางหลอดเลือดดำสำหรับผู้ที่รับประทานไม่ได้ มีปัญหาเรื่องการดูดซึมยา และสามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมีอาการน้อยลง และช่วยลดการนอนโรงพยาบาลเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับยาหลอก โดยกลุ่มรับยาเรมดิซิเวียร์พบนอน รพ. 10 วัน กล่มที่รับยาหลอกนอน รพ. 15 วัน

 

ถัดมาในยาตัวที่ 3 คือ โมลนูพิราเวียร์ อยู่ในกระบวนการเตรียมพร้อมกระจายหลังอนุมัติจากอีโอซี สธ. และศบค.แล้ว กลไกออกฤทธิ์จุดเดียวกันกับฟาวิพิราเวียร์ ช่วยให้ผู้ป่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรง โดยขนาดยาคือ 800 มิลลิกรัม (มก.) แบ่งเป็น 200 มก. จำนวน 4 แคปซูล รับประทานทุก 12 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 วัน รวม 40 แคปซูลต่อคน 

และตัวที่ 4 คือยา แพกซ์โลวิด กำลังดำเนินการจัดหาเข้ามา มีกลไกการออกฤทธิ์ต่างกัน โดยออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ทำให้เชื้อลดจำนวนลง ไม่สามารถเกิดผลกับโรคได้ ช่วยลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาลลง 88% กรณีให้ยาภายใน 5 วันหลังมีอาการ ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง คาดว่าจะเข้ามาในกลางเดือนเมษายนนี้

ทั้งนี้ นพ.มานัส กล่าวต่อไปว่า จากการติดตามการใช้ยามาสักระยะ พบว่า ยาแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เช่น เรมดิซิเวียร์ ช่วยกลุ่มอาการปานกลาง ใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาการรับประทานหรือการดูดซึม , ยาฟาวิพิราเวียร์ จะให้ใช้หญิงตั้งครรภ์ไตรมาส 2 และ 3 นี้ แต่ โมลนูพิราเวียร์ และ แพกซ์โลวิด ยังมีข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร รวมถึงเป็นยาใหม่จึงมีราคาสูงถึงคอร์สละ 1 หมื่นบาท ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ราคาคอร์สละ 800 บาท ส่วนเรมดิซิเวียร์ 1,512 บาท

นพ.มานัส กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า  จากการติดตามทั้งของกรมการแพทย์ หรือ สำนักการแพทย์ กทม. ยืนยันว่า ยังพบประสิทธิภาพประสิทธิผลและความปลอดภัยของ ‘ฟาวิพิราเวียร์’ หลายประเทศก็ใช้รักษาโควิด

 

รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวด้วยว่า การรักษาโควิด 19 ผู้เชี่ยวชาญมีการติดตามข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และประชุมร่วมกันเพื่อปรับแนวทางการรักษาเป็นระยะๆ ตามหลักฐานเชิงประจักษ์  

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้ปรับปรุงแนวทางการรักษาไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 และสัปดาห์หน้าอาจจะมีการปรับปรุงอีกครั้ง