- 25 มี.ค. 2565
ชื่นชม น้องนุ่น นางสาวเอษรา ขุนทอง สาวน้อยวัย 18 ปี เรียนจบนิติศาสตร์ รามคำแหง แถมคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ผลงานสุดโดดเด่นไปแข่งขันอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศ
ถือเป็นเรื่องราวที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก เมื่อเพจเฟซบุ๊ก PR Ramkhamhaeng University ได้มีการเผยเรื่องราวของเยาวชนดีเด่นอย่าง น้องนุ่น นางสาวเอษรา ขุนทอง บัณฑิตที่คว้าใบปริญญาพร้อมเกียรตินิยม อันดับ 1 นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น หลังจากที่สอบเทียบหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนในระดับมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกา GED โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี นอกจากนี้ยังผ่านการรอบรมวิชาทนายความแห่งสภาทนายความรุ่นที่ 54 สอบเนติบัณฑิตไทยสมัยที่ 73 โดยสอบไล่ได้ลำดับที่ 3 เมื่ออายุ 19 ปี อีกด้วย
ขณะยังเป็นนักศึกษา น้องนุ่น เอษรา ขุนทอง เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้าร่วมแข่งขันอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศ Willem C. Vis(East) International Commercial Arbitration Moot ณ เขตบริหาร การปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นตัวแทนนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ในการแข่งขันแถลงการณ์ปิดคดีด้วยวาจา ณ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ที่ผ่านการอบรม "ประกาศนียบัตรชั้นสูงว่าด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา" จัดโดยสำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เป็นต้น
ทั้งนี้ น้องนุ่น เผยว่า มหาวิทยาลัยให้อิสระในการวางแผนการเรียน การจัดตารางเวลาของตัวเองจึงสำคัญมาก ต้องวางแผนว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง เพื่อจะมีเวลาพักผ่อนเพียงพอและเวลาเรียนอย่างสมดุลได้ โดยเน้นไปที่การเรียนเป็นสำคัญ ก่อนการลงทะเบียนเรียนจะดูรหัสวิชา วันเวลาเรียนและวันสอบไม่ให้ชนกันหรือติดกันมากเกินไป
โดยลงทั้งเทอมปกติและซัมเมอร์ เรียนโดยเข้าห้องเรียนทุกคาบ ทุคเซคชั่น เพราะถึงแม้เนื้อหาที่เรียนทั้งสองเซคชั่นจะมีเนื้อหาที่คล้ายกัน แต่การเข้าเรียนทั้งสองเซคชั่นทำให้เห็นวิธีการสอนของอาจารย์ที่ต่างกัน ได้ความรู้และมุมมองที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีโอกาสทบทวนเนื้อหาด้วย หลังจบคาบสามารถเข้าไปสอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์ หรือในบางครั้งอ่านเจอประเด็นอะไรที่สงสัยก็จะจดไว้และนำมาถามอาจารย์ในคาบเรียนเสมอ รวมถึงได้ฟังประเด็นที่เพื่อนคนอื่น ๆ สงสัย หากคาบไหนไม่ได้เข้าเรียนก็จะดูย้อนหลังให้ครบ เพื่อจะจดเลคเชอร์ให้ทันทุกบทเรียน
ขอบคุณ FB : PR Ramkhamhaeng University