- 25 มี.ค. 2565
มหาเศรษฐีตกหลังคาบ้านเสียชีวิต เพิ่งขายที่ดินที่ภูเก็ต ได้เงินมหาศาล500ล้าน ล่าสุดเพื่อนบ้านเผยอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยา-ลูก
กรณีเหตุการณ์มหาเศรษฐีตกหลังคาบ้านเสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 มี.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่588/368 ซอยจรัญสนิทวงศ์34 เขตบางกอกน้อย กทม. เป็นบ้านเดี่ยว2ชั้นมีห้องเก็บของเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวอยู่ด้านหลัง อยู่ในเนื้อที่3ไร่ ห่างจากถนนจรัญสนิทวงศ์ประมาณ100 เมตร ด้านหลังเพิ่งยกร่องทำเป็นสวนมะม่วง
บริเวณหน้าห้องเก็บของพบร่างของ นายธำรง หิรัญประดิษฐ์ หรือ โอ่ง อายุ60 ปี อดีตทนายความ นอนเสียชีวิตมาแล้วประมาณ15วัน เเละที่หลังคากระเบื้องสูงประมาณ3 เมตร ที่อยู่เหนือร่างของนายธำรง แตกเป็นช่องกว้างประมาณ1เมตร ภายในบ้านไม่มีร่องรอยการรื้อค้น ด้านหลังห้องเก็บของพบบันไดอลูมิเนียมพาดอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายธำรงมหาเศรษฐีผู้เสียชีวิต มีที่ดินหลายแปลงในซอยจรัญฯ34 หลังจากมีการปรับขึ้นภาษีที่ดินนายธำรงซึ่งมีที่ดินว่างเปล่าอยู่หลายแปลง จึงจ้างคนมาปรับเป็นสวนมะม่วงเพื่อไม่ให้เสียภาษีสูงและที่ดินที่เกิดเหตุนายธำรงประกาศขายตารางวาละ2 แสนบาทมีคนมาเจรจาแล้วแต่ยังไม่ลงตัว โดยถนนภายในซอยนายธำรงไม่ได้ยกให้กับหลวงเอาไว้ให้รถขายของเช่น ไก่ย่าง ส้มตำ ขนม ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯเช่าจอดเพื่อเก็บค่าเช่า ร้านละ1,200-5,000 บาทต่อเดือน
ที่สำคัญช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน นายธำรงเพิ่งขายที่ดินที่จังหวัดภูเก็ตได้เงินมหาศาล 500ล้านบาท แต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ยังไม่ทันได้ใช้เงิน จากการขึ้นไปซ่อมหลังคาห้องเก็บของเองที่เก็บพวกเศษขวดพลาสติกที่เก็บสะสมไว้เพื่อจะขายให้กับพวกเก็บของเก่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานนายธำรงขึ้นไปซ่อมหลังคาแล้วอาจเกิดอาการวูบพลาดตกลงมาด้านล่างศีรษะกระแทกพื้นแตก เลือดไหลจนหมดสติ แต่ไม่มีคนพบเห็นจนกระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งได้นำร่างไปผ่าชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
ข้อมูลเกี่ยวกับนายธำรงมหาเศรษฐีผู้เสียชีวิต เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ติดกันเปิดเผยว่า นายธำรง อยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกไม่มีเมีย โดยมีพี่น้องอยู่ย่านลาดพร้าว ซึ่ง นายธำรง เป็นเจ้าของที่ดินในซอยจรัญฯ 34 เกือบทั้งหมด และขายทอดต่อไปแล้วหลายแปลง แต่ก็ยังมีเหลืออยู่อีกหลายแปลง พร้อมมีบ้านเช่าอีกหลายที่
ด้านนายมงคล ละอองแก้ว อายุ52 ปี ผู้พบศพคนแรก ให้การว่าตนเป็นคนปลูกมะม่วงให้กับผู้ตายและยังมีที่ดินในซอยนี้อีกหลายแปลงที่จะให้ตนไปปลุกมะม่วงก่อนเกิดเหตุประมาณกว่า15วันที่ผ่านมา นายธำรงให้ตนมาปลูกมะม่วงให้และฝากตนให้เอาปั๊มน้ำไปซ่อม
แต่ก็ยังโทรศัพท์ติดต่อได้จนกระทั่งมา3-4วันหลังจากซ่อมเสร็จปีมเสร็จก็จะเอาปั๊มมาส่งคืนและเบิกค่าแรงทำสวนแต่ก็ติดต่อไมได้ วันนี้จึงมาหาที่บ้าน ได้กลิ่นเหม็นจึงโทรศัพท์ให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ