- 18 เม.ย. 2565
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามคำสั่งด่วน กำชับผู้ว่าฯทั่วประเทศ ยกระดับเตรียมรับมือโควิด ระบาดพุ่งหลังสงกรานต์
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในขณะนี้พี่น้องประชาชนที่ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ พบปะสังสรรค์ ร่วมทำกิจกรรมวันสงกรานต์ ณ ภูมิลำเนาจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวร่วมกับสมาชิกในครอบครัวช่วงวันหยุดต่อเนื่องเทศกาลสงกรานต์ 2565 ได้เดินทางกลับเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดทำงานในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.)
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมสงกรานต์ที่มีการรวมกลุ่มคนในชุมชน และสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากขณะนี้ยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด" ที่มีสถิติยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กำชับให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมมาตรการควบคุมโรคแบบบูรณาการและแนวปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ภายหลังเทศกาลสงกรานต์ 2565 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) หลังเทศกาลสงกรานต์ 2565 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ จึงได้สั่งการและประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการของตนเองและครอบครัว เป็นเวลา 7 - 10 วัน และปฏิบัติตามมาตรการ DMHTA ทั้งรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย อย่างเคร่งครัดและหมั่นตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK อยู่เสมอ
โดยเฉพาะหากพบว่าตนมีอาการหรือมีความเสี่ยงต้องตรวจด้วย ATK ทันที ถ้าผลเป็นลบให้พิจารณาตรวจซ้ำเมื่อครบ 7 วัน หรือเมื่อมีอาการ โดยในช่วงระหว่างสังเกตอาการให้หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องพบปะผู้อื่น ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา และขอความร่วมมือหน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้าน โรงงานในพื้นที่ ได้พิจารณามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทั้งนี้ ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐที่มีหน่วยบริการประชาชนต้องไม่กระทบกับภารกิจในการให้บริการประชาชน
นอกจากนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และบูรณาการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดบริการตรวจหาเชื้อ "โควิด" ด้วยชุดตรวจ ATK ให้เป็นไปอย่างทั่วถึง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ระดับต่าง ๆ ให้สามารถอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการการรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในชุมชน (Community Isolation : CI) โรงพยาบาลหลัก และโรงพยาบาลสนามระดับต่าง ๆ เป็นต้น และยังคงเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608) ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ได้ระมัดระวังตนเองและเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ที่ได้มีกิจกรรมการรวมกลุ่ม ทั้งการรับประทานอาหารร่วมกัน การท่องเที่ยว การรดน้ำขอพร และกิจกรรมอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคส่วนบุคคล (DMHTA) อย่างเคร่งครัด และหมั่นตรวจหาเชื้อ ATK อยู่เสมอ ซึ่งต้องตระหนักว่าแม้เราจะได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นตามจำนวนแล้ว ต้องพึงตระหนักเสมอว่า การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่เพียงลดความรุนแรงของอาการของโรคเท่านั้น ดังนั้น พี่น้องประชาชนทุกคนต้องระมัดระวังตนเองปฏิบัติตามหลักการป้องกันตนเองสูงสุด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและสมาชิกในครอบครัว