อัจฉริยะ จี้ DSI รับเป็นคดีพิเศษ กร้าวถึงเเม๊ที่มาห้าม ผมทำเพื่อน้องเเตงโม

   คืบหน้าคดีเเตงโม "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ " ได้เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จี้ให้รับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเชื่อว่าคดีนี้ส่อไปทางฆาตกรรมอำพราง หลังจากที่เพิ่งไปยื่นหนังสือถึงเเพทยสภาร้องสอบจริยธรรมแพทย์นิติเวชคดีแตงโม หลังลงความเห็นว่าบาดแผลที่ขาข้างขวาเเตงโม และบาดแผลอื่นๆถูกใบพัดเรือ

   โดย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  เปิดเผยว่า สิ่งที่พบเห็นมีหลักฐานชัดเจนว่าบาดแผลครั้งแรกพบ 11 แผล ต่อมาเมื่อไปผ่าพิสูจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กลายเป็น 22 แผล จากนั้นวันที่แถลงข่าวสรุปสำนวนคดี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา กลับมีบาดแผลเพิ่มขึ้น 4 แผล เป็น26เเผล ซึ่งไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร  ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่ทางแพทย์นิติเวชไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก ว่าเหตุใดจึงพบบาดแผลเพียง 11 แผล ซึ่งเป็นบัตรแผลก้างปลา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดจากใบพัดเรือ

  ก่อนที่ทาง  ผบช.ภ.1 จะมาตอบชี้เเจงว่า จำนวนบาดแผลอยู่ในสำนวนการสอบสวนแล้ว ตอนนี้ตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะสำนวนอยู่ที่อัยการแล้ว ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากสาระสำคัญในคดีไม่ได้เปลี่ยนแปลง

    อัพเดทล่าสุดในวันนี้ 29 เม.ย.65 อัจฉริยะได้ยื่นเอกสารถึงร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขา รมว.ยธ. เป็นผู้รับเรื่อง จะดำเนินคดีกับทุกคนบนเรือสปีดโบ๊ท พร้อมฝากถึงเเม่เเตงโม ที่ห้ามตนเองมายุ่งคดีนี้ ห้ามตนไม่ได้ ตนทำเพื่อเเตงโม ไม่ได้ทำเพื่อเเม่   ยืนยันว่าบาดเเผลต่างๆต้องมีการตรวจสอบใหม่ 

  ซึ่งตนมีหลักฐานหักล้างว่าแซนไม่ได้นั่งท้ายเรือในเวลาเดียวกัน แต่นั่งอยู่ในเรือ, เรื่องภาพบาดแผลจากต่างประเทศที่บอกว่าเป็นแผลจากใบพัดเรือทั้งที่ไม่ใช่ และการที่บอกว่าแตงโมไปนั่งตรงกาบท้ายเรือ ทั้งที่ตำรวจก็พูดเองว่า ตรงนั้นมีน้ำปริ่มอยู่ตลอดเวลาทำให้ยูเรียอาจละลายหายไปได้ ซึ่งถ้าตรงกาบเรือมีน้ำปริ่ม แล้วใครจะไปนั่ง

   ด้าน ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขา รมว.ยธ. เผยว่า ดีเอสไอได้ตั้งเรื่องสอบสวน เรื่องที่ประชาชนเคลือบเเคลงสงสัย รวมทั้งประเด็นใหม่ที่นายอัจฉริยะสงสัย