เจ้าบ่าวอ้าง ยศจ.ส.อ. เทงานแต่ง ยอมเปิดปากบอกความจริง เหตุหนีงานวิวาห์

จากกรณีเกิดเหตุการณ์เจ้าบ่าวเทงานแต่งอีกครั้ง เมื่อมีภาพเจ้าสาวช้ำหนัก เพราะแฟนหนุ่มทหารพรานขอแต่งงาน แต่วันงานไม่มา ทิ้งให้เข้าพิธีตัวคนเดียว ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เจ้าสาววัย 40 ปี เป็นสาวโรงงาน คบหากับแฟนหนุ่มอ้างว่าเป็นทหารพราน ยศ จ.ส.อ. มาขอแต่งงานกับพ่อแม่ แต่พอถึงวันงานเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลับไม่มาร่วมงานแต่ง ทำให้เจ้าสาวต้องเข้าพิธีตั้งแต่แห่ขันหมาก รวมถึงพิธีต่างๆ เพียงคนเดียว

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

โดย เบื้องต้นทางฝ่ายเจ้าสาวได้ไปแจ้งความแล้วแต่ตำรวจไม่รับ บอกว่าไม่เข้าข่ายความผิด ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งตัวเจ้าบ่าวก็มีติดต่อมา อ้างว่ารอเงินจากน้องสาวเขา จะเอามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายงานแต่งให้กว่า 3 แสนบาท แต่ไม่ได้มีการกล่าวขอโทษแต่อย่างใด ส่วนของเจ้าสาว ร้องไห้เสียใจตั้งแต่วันงาน บอกว่าไม่ไหว แต่ก็ต้องไหว จนสามารถดำเนินงานแต่งจนเสร็จ

 

ต่อมา ญาติของเจ้าสาววัย 40 ปีคนดังกล่าวได้พยายามโทรติดต่อกับเจ้าบ่าวที่อ้างว่าเป็นทหารยศจ่าสิบเอก โดยเจ้าตัวรับสายและใช้เวลาพูดคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที เบื้องต้นเขาได้ระบุว่า สาเหตุที่ตนเองหนีงานแต่งนั้นเพราะขาดเงินอยู่บางส่วน จึงไม่กล้าเข้ามาแต่งงาน ส่วนทางญาติเจ้าสาวก็ยืนยันว่าวันที่แต่งงานนั้นได้พูดคุยกันแล้วว่าเรื่องสินสอดเดี๋ยวค่อยคุยทีหลัง ให้เข้าพิธีให้เสร็จก่อนแล้วถึงเจรจากัน แต่ทำไมทางเจ้าบ่าวถึงเลือกที่จะหนี

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

 

นอกจากนี้ เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง ยังได้ตอบกลับอีกว่า เพราะเงินไม่พอจึงไม่กล้าที่จะสู้หน้า ถึงหนีมาตั้งหลักที่บ้านวังน้ำเขียว ก่อนที่จะประสานทางผู้ใหญ่ที่เป็นนายกอบต.เพื่อจะทำการเข้ามาเจรจา ซึ่งทางฝ่ายเจ้าสาวจึงได้สอบถามว่า ถามตรงๆ ว่ารักตนไหม และเจ้าบ่าวยังยืนยันว่ายังรักเจ้าสาวเสมอ และจะมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายและเคลียร์ใจทั้งหมดในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เจ้าสาวจึงทิ้งท้ายไว้ว่า เดี๋ยววันที่ 11 พ.ค.นี้เจอกันที่ สภ.นาดี เพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันไป

ทั้งนี้จากที่มีรายงานว่า จ.ส.อ.เทงานแต่ง อ้างว่าเป็นทหารพราน อีกทั้งเป็นการ์ดของนักการเมืองท้องถิ่น แต่ตอนแจ้งความตำรวจบอกว่าเช็กในทะเบียนราษฎรไม่ขึ้นชื่อนั้น ทางนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งที่เจ้าบ่าวอ้างได้ระบุว่า เจ้าบ่าวอ้างว่าเคยเป็นทหาร ก็พูดกับตนเหมือนกันว่าเคยเป็นทหารแต่ถูกปลดประจำการ ไม่แน่ใจว่าปีอะไร แต่ยังใช้ยศจ่าสิบเอกนำหน้าชื่อเสมอมา

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล