ป้ายหาเสียง ชัชชาติ หายวับหลังปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่ากทม. อาจเสี่ยงผิดกม.

ป้ายหาเสียง ชัชชาติ หายวับหลังปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่ากทม. อาจเสี่ยงผิดกม. ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ซึ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครชิงผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 ได้ยืนแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนและประชาชน หลังได้รับเลือกเป็นว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนที่ 17 สามารถคว้าอันดับ 1 ไปได้ด้วยคะแนนถล่มทลาย 1,386,215 คะแนน มากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2518

 

 

ทันทีที่ผลคะแนนของนายชัชชาติออกมานั้น เจ้าตัวได้เผยสิ่งที่แรกที่จะทำให้ชาวกทม. ทั้งที่เลือกและไม่เลือกตน ซึ่งยืนยันว่าจะเริ่มทำนโยบายทั้งหมด 200กว่านโยบาย พร้อมที่จะเริ่มทำทั้งหมดทันที อีกทั้งยืนยันว่าจะเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่เข้าถึงง่ายและจะลงพื้นที่ไปในทุกๆ เขต ใน1สัปดาห์ และจะจัดวันปลูกไม้ในทุกๆ อาทิตย์ เพื่อเป็นการให้ได้เจอประชาชนจริงๆ

พร้อมกันนี้ นายชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม.คนที่ 17 ยังได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการเป็นผู้ว่าฯกทม.กับตอนเป็นรัฐมนตรีคมนาคม โดยอย่างแรกคือต้องวางแว่นวิศวกร เพราะคมนาคมนั้นแตะแต่เรื่องโปรเจ็คต์ใหญ่ๆ อย่างเช่นอุโมงค์ต่างๆ แต่การมาเป็นผู้ว่าฯกทม.ต้องเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ในเรื่องต่างๆ 

 

โดยหลังจากการหาเสียงและเลือกตั้งสิ้นสุดลง ประชาชนจำนวนหนึ่งต่างแห่เก็บป้ายหาเสียงของ นายชัชชาติ อย่างคึกคัก เนื่องจากว่า ผู้ว่าฯกทม.หมาดๆ เคยระบุว่า ป้ายหาเสียงของตนนั้น สามารถนำไปนำเป็นกระเป๋าได้ในภายหลัง ซึ่งได้มีการแชร์การนำป้ายชัชชาติมาตัดเย็บเป็นกระเป๋าลงในโซเชียลมากมาย ถึงขั้นกลายเป็นของแรร์ไอเทม คนแห่แย่งกัน บ้างก็ถึงขั้นประกาศรับซื้อให้เงินหลักพันบาทกันเลยทีเดียว

ทว่ากรณีนี้อาจเสี่ยงผิดกฎหมาย เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนสอบสวน ชัชชาติ กรณีทำป้ายหาเสียงไวนิลที่สามารถรียูสนำมาใช้เป็นกระเป๋า - ผ้ากันเปื้อน ว่าเป็นการกระทำเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ ฝ่าฝืน ม.65(1) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง  

อย่างไรก็ตามต่อมาทางทีมงานหาเสียงของนายชัชชาติ ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า แผ่นป้ายหาเสียงจากป้ายไวนิลจะนำกลับมาใช้ต่อกันเองในทีมงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จะไม่มีการแจกหรือจำหน่ายแก่บุคคลภายนอก