- 14 มิ.ย. 2565
หญิงวัย 69 เสียท่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกสูบเงิน 3 วันโดนไป 11 ล้าน ทุกข์ใจมาก เงินใช้วัยชราวันนี้ได้สูญเงินทั้งหมดไปแล้ว
หญิงวัย 69 เสียท่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกสูญเงิน 3 วันโดนไป 11 ล้าน เมื่อมีคนรู้เท่าทัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะเปลี่ยนแนวการหลอกลวงไปเรื่อย กระทั่งยังมีคนตกเป็นเหยื่อมีมากมาย อย่างก่อนหน้านี้ในเพจ Drama-addict ได้แชร์ประสบการณ์ของลูกเพจรายหนึ่งที่ แก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ได้โทรมาตั้งใจหลอกลวง ซึ่ง "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" รู้ข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อและเลขบัตรประชาชน
ล่าสุดมีผู้ตกเป็นเหยื่อถึงขั้นสูญเงินกว่า 11 ล้านบาทแล้ว จึงทำให้หญิงวัย 69 ปี ถึงขั้นต้องเดินทางมาร้องเรียนกับ หมวย อริสรา กำธรเจริญ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 หลังจากตัวเองถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์หลอกโอนเงิน เพียง 3 วัน เสียหายร่วม 11 ล้านบาท
หญิงคนดังกล่าวเล่าว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านย่านพระราม 3 อาศัยอยู่คนเดียว ช่วงบ่ายมีผู้หญิงคนหนึ่งโทร. มาแจ้งว่า จากบริษัทขนส่ง อ้างว่ามีคนส่งพัสดุให้ตนแต่พัสดุถูกตีกลับที่เชียงราย ตนจึงตอบปฏิเสธไปว่าไม่เคยใช้บริการส่งของ แต่ปลายสายแจ้งว่า ภายในพัสดุมีสิ่งผิดกฎหมายคือ กัญชา 100 กรัม 12 ก้อน เสื้อผ้าผู้ใหญ่ 5 ชุด ซองเอกสาร 2 ซอง และชื่อคนรับเป็นชื่อตรงกับชื่อของตน
จากนั้นปลายสายมีการแนะนำให้ตนรีบแจ้งตำรวจที่ สน.เชียงราย แต่ตนบอกกลับว่าไม่สะดวกเดินทางไป ปลายสายจึงแนะนำให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นมีสายโทร. เข้ามาอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ชื่อ จิรยุส สันทนากร กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ และได้เพิ่มเพื่อนทาง ไลน์ปรากฏชื่อ สภ.เชียงราย พร้อมทำการส่งลิ้งค์ Viewer Quick Support มาให้ตนโหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ
หญิงชราเล่าต่อไปว่า ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับพัสดุที่มีสิ่งผิดกฎหมายเป็นชื่อตน ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวฟัง จากนั้นตำรวจคนดังกล่าวรีบส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่อีกคน เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัวของตน และข้อมูลธนาคาร อ้างว่าจากการตรวจสอบบัญชี มีมิจฉาชีพสามารถดูดเงิน (ถอนเงิน) จากบัญชีธนาคารของตนได้ ให้ตนรีบถอนเงินจากธนาคารสงเคราะห์ ไปเข้าบัญชีไทยพาณิชย์ (เปิดใหม่) เพื่อรีบโอนย้ายเงินก่อนถูกแก๊งมิจฉาชีพดูดเงินออกไป
กระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคม ตำรวจไซเบอร์ได้โทร. มาหาตน อ้างว่ามีมิจฉาชีพพยายามดูดเงินในบัญชีของตนออก ให้รีบถอนเงินไปไว้ในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (บัญชีที่ 1) ที่เปิดใหม่ ตนจึงรีบถอนเงินจำนวน 5,775,699 ล้านบาท นำฝากไว้ที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (บัญชีที่ 1)
และเงินอีกจำนวน 2,000,000 ล้านบาท เข้าธนาคารกรุงเทพ และเงินจำนวน 4,000,000 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (บัญชีที่ 2) หลังจากโอนเงินเสร็จให้ถ่ายรูปหน้าสมุดบัญชีธนาคารทั้งหมดที่มีอยู่ ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ตนจึงทำการถ่ายรูปส่งไปให้ทางไลน์
จากนั้นวันที่ 18 พฤษภาคม ตำรวจไซเบอร์ได้โทร. มาหาตนอีกครั้ง โดยให้ตนทำรายการเกี่ยวกับบัญชีธนาคารผ่านโทรศัพท์และเอาข้อมูลรหัส OTP ของธนาคารทั้งหมด หลังจากตำรวจไซเบอร์ได้รหัส OTP ไป ได้มีการโอนเงินทั้งหมดจำนวน 11,750,619 ล้านบาท
หลังจากเกิดเรื่อง หญิงชราทุกข์ใจมาก ถึงขั้นคิดสิ้น เพราะเงิน 11 ล้านบาท เป็นเงินของตนกับพี่น้องรวมกัน 3 คน ที่ได้จากมรดกของพ่อแม่ในการขายที่ดิน ซึ่งนำฝากเข้าธนาคารสงเคราะห์ เพื่อปันผลได้ดอกเบี้ยแบ่งกัน 3 คน ไว้ใช้ในวัยชรา แต่วันนี้ได้สูญเงินทั้งหมดไปแล้ว ยังดีที่พี่น้องคอยให้กำลังใจ
"สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเชื่อมั่นว่าคนที่คุยด้วยเป็นตำรวจไซเบอร์ เชื่อมั่นว่าตำรวจไทยเก่งที่สุด แต่กลับถูกตำรวจปลอมหลอกจนหมดตัว ส่วนตัวคาดว่ากรณีนี้เป็นการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกครั้งใหญ่ที่สุดแล้วในประเทศไทย 3 วัน 11 ล้านบาท" หญิงวัย 69 ปีระบุ
ก่อนที่ หญิงชราจะบอกอีกว่า อยากฝากถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำแบบนี้อยู่ กราบขอร้องอย่าทำแบบนี้เลย คุณกำลังทำร้ายคนไทยด้วยกัน ตนอายุจะ 70 แล้ว และมีอีกหลายเคสที่ถูกกระทำแบบนี้ ทุกคนหมดตัว อย่าทำร้ายคนไทยด้วยกัน ไม่มีแรงที่จะทำอะไรแล้ว ทุกวันนี้ต้องเก็บขวดขาย
อย่างไรก็ตาม เหยื่อแก๊งบคอลเซ็นเตอร์ยังได้ระบุอีกว่า อยากฝากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยติดตามเรื่องให้ถึงที่สุด และฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ หลังจากนี้ตนเองจะเข้าไปยื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป