- 23 มิ.ย. 2565
รองโฆษกรัฐบาล เปิดหลักเกณฑ์ขอรับเงินสงเคราะห์ค่าทำศพผู้สูงอายุ ไม่ใช่จะได้ทุกคน ต้องมีฐานะยากจนตามคุณสมบัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
วันที่ 23 มิ.ย. 65 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เนื้อหาเกี่ยวประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2563 เรื่องการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี ที่มีฐานะยากจน "เงินทำศพผู้สูงอายุ" รายละ 3,000 บาท แต่ด้วยเนื้อหาที่ส่งต่อกันระบุสาระหลักไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุทุกราย
ดังนั้น จึงขอชี้แจงว่า การขอรับเงินสงเคราะห์ค่าทำศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ดังนี้
1. ผู้เสียชีวิตอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. สัญชาติไทย
3. ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
4. ผู้สูงอายุซึ่งอยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใดๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์
โดยผู้ยื่นคำขอ "เงินทำศพผู้สูงอายุ" รายละ 3,000 บาท (ครอบครัวผู้เสียชีวิต ญาติผู้รับผิดชอบจัดการศพ) จะต้องยื่นคำขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตร พร้อมกับเอกสารสำคัญ เช่น
- ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุหรือหนังสือรับรอง
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำขอ (เพื่อโอนเงิน)
กรณีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต ส่วนจังหวัดอื่นๆ ให้ยื่นคำขอในท้องที่ เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น
นอกจากนี้ นางสาวรัชดา ได้กล่าวอีกว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนเข้าใจคาดเคลื่อน เรื่องการสนับสุนนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ขอย้ำว่าการสนับสุนนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีฐานะยากจนตามคุณสมบัติบัตรสวัสดิแห่งรัฐ เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ