- 10 ก.ค. 2565
ตำรวจ สน.ห้วยขวาง จับกุม ไฮโซดังพร้อมพวก รวมหัวปล้นทรัพย์นักธุรกิจสิงคโปร์ โดยนัดหมายมาเจรจาหนี้สิน ก่อนยึดรถยนต์หรูและทรัพย์สินอีกกว่า 4 ล้านบาท
วันนี้ (10 ก.ค. 65) ตำรวจชุดสืบสวน สน.ห้วยขวาง และตำรวจสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 นำหมายจับเข้าจับ นายธฤต ณ พัทลุง หรือ ไฮโซทะเล ในคอนโดนแห่งหนึ่งย่านถนนหลังสวน พร้อมกับเข้าจับกุม นายเพชร บุญวงษ์ นักธุรกิจด้านวิศวกรรมชอฟแวร์ ที่บ้านพักหรูย่านถนนนาคนิวาส หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายที่เป็นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ แจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ถูกนายเพชร นัดหมายให้มาเจรจาเรื่องหนี้สินที่เหลืออีก 3 ล้านบาท หลังจากยืมไป 7 ล้านบาท ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก จากนั้นก็มีนายธฤต เข้ามาร่วมพูดคุยด้วย โดยมาพร้อมกับการ์ดอีก 2 คน ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่า แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่พาตัวผู้เสียหายออกจากร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก
ทางผู้ต้องหาได้คุมตัวนักธุรกิจสิงคโปร์ ใช้มือไขว้หลัง ขับรถปอร์เช่และเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายรวม 4 ล้านบาทหลบหนีไป ทางผู้เสียหายแจ้งความเมื่อวันที่ 6 ก.ค. เพราะรู้สึกกลัวในเรื่องที่เกิดขึ้น ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานบุกจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจยังไม่พบรถยนต์หรู และของกลางที่กลุ่มผู้ต้องหายึดไป คาดว่าอยู่กับเจ้าของเว็บไซต์พนันฟุตบอลอีกคนหนึ่ง ขณะนี้กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ให้การว่ารู้จักกับนายเพชร มาประมาณ 5 ปี ก่อนที่จะไปเที่ยวในกลุ่มไฮโซด้วยกัน และได้รู้จักกับนายธฤต หรือ ไฮโซทะเล นอกจากนั้นผู้เสียหายยังอ้างว่า นายเพชร กับนายธฤต เล่นพนันออนไลน์จนเสียเงินไปกว่า 10 ล้านบาท จึงได้มาขอยืมเงินไปใช้หนี้ แต่ในชั้นสอบสวน นายเพชร ยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้เป็นหนี้ดังกล่าว ส่วนในวันเกิดเหตุยอมรับว่าเป็นผู้นัดหมายให้นักธุรกิจชาวสิงคโปร์เข้ามาพบกับนายธฤต แต่ได้กลับออกจากร้านอาหารไปก่อน
ขณะที่ ทนายความของ นายธฤต หรือ ไฮโซทะเล ยืนยันว่าลูกความของตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ และอยู่ร่วมกับเหตุการณ์นี้จริง แต่ลูกความของตัวเอง ไม่มีแรงจูงใจที่จะก่อเหตุ เนื่องจากมีธุรกิจและมีรายได้มากพอ ที่จะไม่ต้องปล้นใคร
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า รถยนต์ปอร์เช่ของผู้เสียหายคนนี้สูญหายไป ยืนยันว่ารถยนต์ไม่ได้อยู่กับนายธฤต และมั่นใจว่ารถยนต์คันดังกล่าวไม่ใช่ของผู้เสียหาย อาจจะยืมคนอื่นมาอีกทอดหรือไม่
นอกจากนี้ ทนายความ ยังกล่าวอีกว่า ผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ พูดความจริงไม่หมด และกำลังพิจารณาว่า จะแจ้งความกลับ เพราะทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงร่วมกันในการทำธุรกิจสีเทาบางอย่าง ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ทนายความอ้างว่า นายธฤต ไม่รู้จัก แต่เชื่อว่าตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนขยายผล อย่างไรก็ตาม ทนายอ้างว่า ผู้เสียหายชาวสิงคโปร์คนนี้ ยังเป็นลูกหนี้ของลูกความตน หลังมาขอยืมเงิน 1 ล้านบาทไปลงทุนทำธุรกิจเมื่อราวปีที่แล้ว ซึ่งตนมีหลักฐานการกู้ยืมถูกต้อง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline