- 14 ก.ค. 2565
"ปัญหาโลกแตกในหมู่บ้าน"ที่หลายๆคนต้องเคยพบเจอ เพื่อนบ้านเจ้าปัญหาจอดรถขวาง จอดปิดทางเข้า-ออก รู้หรือไม่กั๊กที่จอดรถมีโทษสูงสุด คุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับ10,000
หากพูดถึงปัญหาโลกแตกในหมู่บ้านเเละเพื่อนบ้าน ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของบรรดาเหล่าเพื่อนบ้านเจ้าปัญหา ที่เรียกได้ว่าแทบจะทุกหมู่บ้านต้องประสบพบเจอปัญหาเหล่านี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกั๊กที่จอดรถ จอดรถขวางทางเข้า-ออก หรือแม้กระทั่งสุนัขหรือแมวมาขับถ่ายหน้าบ้านคนอื่น มักพบได้บ่อยครั้งในหมู่บ้านหรือชุมชน
เเละล่าสุดจากปัญหาดังกล่าว"ทีมข่าวไทยนิวส์ "ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ทนายรัชพล ศิริสาคร เกี่ยวกับประเด็นนี้ทั้งในข้อกฎหมาย และการปฏิบัติตัวให้อยู่ร่วมกันได้ในสังคม โดย ทนายรัชพล ระบุว่า ในเรื่องของการกั๊กที่จอดรถ หรือจอดรถขวางหน้าบ้าน จริงๆมีโทษอยู่ ในเรื่องของการจอดรถขวางหน้าบ้านมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เพราะถือว่าความผิดในลักษณะดังกล่าวเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญและมีความผิดตามกฎหมาย โดยผู้ที่พบเห็นสามารถที่แจ้งดำเนินคดีได้ ส่วนเรื่องการวางของกั้นที่จอดนี้ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นถนนสาธารณะไม่สามารถไปกั๊กเป็นของตัวเองได้ ซึ่งใครก็สามารถจอดได้ โดยกฎหมายข้อห้ามได้มีบัญญัติไว้ทั้งการวางของกั้นที่จอด ห้ามจอดรถขวางหน้าบ้าน ซึ่งทั้งหมดมีความผิดหมดเลย
ส่วนปัญหาเรื่องมูลสัตว์เลี้ยง ตรงนี้ในทางกฎหมายพรบ.รักษาความสะอาดของบ้านเมือง ตัวอย่างเช่นคุณพาสุนัขไปขับถ่ายไม่ว่าอุจจาระหรือปัสสาวะบนถนนหรือพื้นที่สาธารณะ โดยไม่มีการเก็บกวาดให้เรียบร้อย ตรงนี้เขาก็มีกฎหมายควบคุมอยู่ เพราะฉะนั้นใครที่เลี้ยงสุนัขหรือแมวก็จำเป็นต้องคอยดูแลสัตว์เลี้ยงของท่านด้วย ซึ่งตรงนี้มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ขณะที่หมาจรจัดในเบื้องยังไม่มีกฎหมายควบคุมได้ แต่หากเป็นสัตว์เลี้ยงมีเจ้าของก็สามารถดำเนินคดีได้
ส่วนกรณีสัตว์เลี้ยงที่ขึ้นไปปีนป่ายบนรถของเพื่อนบ้าน และทำให้รถนั้นเกิดความเสียหาย เจ้าของรถก็สามารถไปดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายได้ แต่ในเบื้องต้นแนะนำให้พูดคุยเจรจาและไกล่เกลี่ยกันก่อน ซึ่งกรณีนี้ก็มีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้สัตว์ของตัวเองไปสร้างความเสียหายให้กับคนอื่น ในส่วนนี้ก็สามารถไปเรียกร้องค่าเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม การนำกฎหมายข้อบังคับมาช่วยในการแก้ไขปัญหาโลกแตกภายในหมู่บ้าน อาจจะยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา แต่อยู่ที่จิตสำนึกรับการผิดชอบต่อส่วนรวมของบุคคลอื่นด้วย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline