- 02 ส.ค. 2565
ศาล สั่ง จำคุก ป้าเป้า พร้อมกับพวกรวม 7 คน กรณีชุมนุม11สิงหา ไล่ล่าทรราช คนละ1ปี ศาลสั่งจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 2 หมื่น
ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีม็อบ 11 สิงหา ไล่ล่าทรราช หมายเลขดำ อ.2693/2564 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนางวรวรรณ หรือป้าเป้า แซ่อั้ง อายุ 67 ปี กับพวกรวม 8 คน ประกอบด้วย นายนพดล สินบุญเชิญ นายธนา กำพูล นายเอกณัฏฐ์ สมบัติ ยิ่งวัฒนา นายวีรวัฒน์ คำภีร์ทูล ( หนีประกัน )นายกฤษณะ มินา นายปภังกร โพธิ์เจริญ และนายกัณฐกะ พรมโต ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายฯ โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธฯ,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯโดยมีหรือใช้อาวุธและโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป,ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนฯ,ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด 19
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 จำเลยทั้งแปดกับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 200 คนร่วมจัดกิจกรรม “11 สิงหา ไล่ล่าทรราช” เพื่อกดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ซึ่งมีผู้ร่วมชุมนุม รถยนต์ รถยนต์พร้อมเครื่องขยายเสียง รถจักรยานยนต์ ที่บริเวณ ถ.ราชวิถี วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพ ฯโดยมีการลงมาเดินบนถนนทำกิจกรรมเผาหุ่นฟาง กล่าวปราศรัยวิจารณ์รัฐบาลเรื่องจัดหาวัคซีนป้องกันการระบาดโควิด-19 และโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการใช้มาตรการดำเนินการจับกุมและสลายการชุมนุมฯ ซึ่งการรวมกลุ่มลักษณะปิดกั้นการสัญจรไปมา และมีการขว้างปาวัตถุสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนระหว่างที่ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรดังกล่าวมีผลบังคับใช้จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัวโดยในช่วงเช้านางวรวรรณ หรือป้าเป้า และจำเลยรวม 7 คน มาฟังคำพิพากษาพร้อมกับทนายความ ยกเว้น นายวีรวัฒน์ จำเลยที่ 5 ซึ่งหลบหนี ศาลสั่งออกหมายจับไว้แล้ว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 จึงเป็นความผิดตามประกาศการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 9 และ 30
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนอีกทั้งประกอบอาชีพและมีภาระต้องเลี้ยงดูแลครอบครัว จำเลยบางคนกำลังศึกษาอยู่ จึงอยากให้เอาเป็นบทเรียนและทบทวนตัวเอง โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติ 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด และทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
ส่วน ข้อหาความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายฯ โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธฯ,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯโดยมีหรือใช้อาวุธและโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่10คนขึ้นไปให้ยกฟ้อง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline