- 29 ส.ค. 2565
หมอธีระ ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 เผยป่วยโรคประจำตัวอะไร เสี่ยงเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดมากขึ้น
วันที่ 29 ส.ค. 2565 หมอธีระ หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า
1. คนที่เป็นโรคเบาหวานต้องป้องกันให้ดี เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 มากขึ้น
Shestakova MV และคณะจาก Endocrinology Research Center ประเทศรัสเซีย ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารทางการแพทย์โรคต่อมไร้ท่อ Frontiers in Endocrinology เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานกว่า 235,248 คนในรัสเซีย ตั้งแต่มีนาคม 2563 ถึงพฤศจิกายน 2564 โดยเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จำนวน 11,058 คน และเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 224,190 คน สาระสำคัญคือ อัตราการป่วยแล้วเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 สูงราว 8.1% และเบาหวานชนิดที่ 2 สูงถึง 15.3%
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงซึ่งทำให้เสียชีวิตนั้นได้แก่ การไม่ได้ฉีดวัคซีน, อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป, และการเป็นเบาหวานมานานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ และการไปรับวัคซีน
2. COVID Rebound นั้นเกิดได้ทั้งในคนที่ได้ยาต้านไวรัส และไม่ได้ยาต้านไวรัส
ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา มีข่าวในสื่อที่นำเสนอว่า การกินยาต้านไวรัสจะเสี่ยงต่อการทำให้เป็นกลับซ้ำหรือ Rebound มากขึ้น ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวเป็นการให้ความรู้ที่ไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน และอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ความรู้ที่ถูกต้องคือ Rebound หรือการเป็นกลับซ้ำนั้น เกิดขึ้นได้ทั้งในคนที่ติดเชื้อแล้วกินยาต้านไวรัส หรือไม่ได้กินยาต้านไวรัส
การเป็นกลับซ้ำ เกิดได้ 2 รูปแบบ จะเกิดพร้อมกันหรือเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ได้แก่
- ปริมาณไวรัสในร่างกายปะทุสูงขึ้นมา หลังจากที่ติดเชื้อแล้วได้ยาต้านไวรัสจนปริมาณไวรัสลดลง หรือเวลาผ่านไปแล้วดีขึ้นจนไวรัสลดลง จนตรวจได้ผลเป็นลบ แต่กลับมีปริมาณไวรัสเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนตรวจพบผลบวกกลับมาใหม่ เรียกว่า "Viral rebound"
- อาการกลับเป็นซ้ำ กล่าวคือ ติดเชื้อแล้วมีอาการป่วย ต่อมาได้รับยาจนดีขึ้นหรือหายป่วย หรือเวลาผ่านไปแล้วอาการดีขึ้นหรืออาการหมดไป แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็กลับมีอาการกำเริบขึ้นมาใหม่หรือแย่ลง เรียกว่า "Symptom rebound"
โอกาสเกิด Rebound นั้นมีประมาณ 5-10% ในคนที่ติดเชื้อแล้วได้รับยาต้านไวรัส
ในขณะที่คนที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัสนั้น งานวิจัยของทีม Harvard Medical School พบว่ามีโอกาสเกิด Viral rebound 12%, (ราว 1 ใน 8 ) และ Symptom rebound ได้มากถึง 27% (ราว 1 ใน 4)
ดังนั้น หากติดเชื้อไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ยาต้านไวรัส การแยกกักตัวในระยะเวลาที่ถูกต้องและนานเพียงพอ (14 วันสำหรับ Omicron หรืออย่างน้อย 7-10 วัน โดยก่อนออกจากการกักตัว ต้องแน่ใจว่าไม่มีอาการ และตรวจ ATK ได้ผลลบ) จึงมีความสำคัญที่จะทำให้แน่ใจเรื่องความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อ เหนืออื่นใด "การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ"เวลาดำเนินชีวิตประจำวันนอกบ้าน เป็นหัวใจสำคัญที่จะป้องกันตัวเราและครอบครัวในสถานการณ์ระบาดที่ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะในชีวิตจริง มีโอกาสสูงที่เราจะพบปะกับคนที่ติดเชื้อทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวได้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline