- 29 ส.ค. 2565
โผพลิก ม้ามืด! ก.ตร. เคาะ 4 รองผบ.ตร. ไฟเขียว "พล.ต.ท.ธิติ"ข้ามห้วย ผงาดนั่งผบช.น. คุมนครบาล ด้านบิ๊กโจ๊ก"ยังมาแรง ขึ้นรองผบ.ตร.
29ส.ค.65 ความคืบหน้าการประชุมเเต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ พร้อมเเต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำเเหน่ง รองผบ.ตร.ลงไปถึง ผบก. โผโยกตำรวจวาระประจำปี 2565 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 แทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่30 กันยายน2565 นี้
โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. มีมติเอกฉันท์ 6-0 เลือก บิ๊กเด่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นผบ.ตร.คนใหม่ คนที่ 13 โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 อาวุโสอันดับ 2 ซึ่งเหลืออายุราชการอีก 1 ปี ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2566
ด้านนายตำรวจที่ได้รับการเสนอชื่อขึ้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ที่ว่าง4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,บิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ทั้งนี้ได้เกิดการโผพลิก ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น. ซึ่งคาดกันว่า พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นรต.38 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จะโยกมาเป็นมา ผบช.น. แทนที่ของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.คนเก่า ที่ขยับขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีการปรับโผอีกครั้งจากเดิมที่ว่าง
ซึ่งที่ประชุมก.ตร.ไฟเขียว แต่งตั้ง"บิ๊กจ้าว" พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ให้มาดำรงตำแหน่ง ผบช.น.คนใหม่ โดย บิ๊กจ้าว ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจาก บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.
ส่วนทาง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ยังคงนั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.1 ตามเดิม และมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สกพ. ขยับมาเป็น ผบช.ภ.2 แทน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร โยกมา ผบช.ภาค 8 , พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.มา ผบช.ส. , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ เข้ามานั่ง ผบช.สพฐ.
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับชั้นนายพล ซึ่งในการประชุมก.ต.ช.ได้พิจารณามีความเห็นเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีขั้นตอนอื่นตามกฎหมายอีก รวมถึงการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปจนถึงผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 254 ตำแหน่ง ซึ่งผ่านการประชุมเรียบร้อยแล้ว ส่วนวาระอื่นๆ ทางรักษาการนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจได้มีข้อสั่งการจำนวนมากรายละเอียดของการประชุมจะให้พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลง
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช. และประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ครั้งที่ 8/ 2565 ในทางก.ต.ช. มีการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ผ่านคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ผลการแต่งตั้งต้องรอผลตามกฎหมายอีกครั้งจะต้องรอหลังจากที่มีการพิจารณาโปรดเกล้าแต่งตั้งฯ และมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ตำแหน่ง ระดับผู้บังคับการขึ้นไป ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อทดแทนตำแหน่งว่าง ผู้เสียชีวิต และเกษีนณอายุราชการ รวมการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังพลตามความเหมาะสม
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้มีการพิจารณาตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอไว้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 4 ราย, ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหมุนเวียน จำนวน 1 ราย, ผู้บัญชาการเลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6 ราย, ผู้บัญชาการหมุนเวียนจำนวน 7 ราย, รองผู้บัญชาการเลื่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการจำนวน 16 ราย, รองผู้บัญชาการหมุนเวียน จำนวน 23 ราย, ผู้บังคับการเลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการ จำนวน 40 ราย ผู้บังคับการหมุนเวียน จำนวน 71 ราย รองผู้บังคับการเลื่อนขึ้นเป็นผู้บังคับการ จำนวน 86 ราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 254 ราย ทั้งนี้ต้องรอการโปรดเกล้าฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า นอกจากนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำชับตำรวจ 5 เรื่อง ดังนี้ 1.เรื่องยาเสพติด ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นด้านปราบปรามให้สืบสวนจับกุมเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ค้า อย่างจริงจัง ให้ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายผู้เกี่ยวข้องทุกรายในด้านป้องกัน มุ่งเน้นการลดจำนวนผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดลงให้ได้ โดยใช้ชุมชนหมู่บ้านเป็นศูนย์กลางการแก้ไขปัญหา สร้างความรับรู้กับทุกภาคส่วนว่าผู้เสพคือผู้ป่วย เมื่อสมัครใจเข้ารับการบำบัดแล้วจะไม่เสียประวัติและไม่มีความผิด และใช้มาตรการเชิงรุกด้านการค้นหาผู้เสพยาเสพติดนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ให้เดินหน้าโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้สำนักงานตำรวจ รวมทั้งให้มีการประเมินผล อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เรื่องแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ให้กวดขันจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยเน้นไปที่ผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่ตามแนวชายแดน และชุมชนตามแนว หากมีการจับกุมให้ขยายผลให้ถึงขบวนการอย่างเด็ดขาด
“กรณีเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์” โฆษก ตร.เผย
3.เรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เร่งรัดสืบสวนจับกุม ปราบปราบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเครือข่ายฉ้อโกงประชาชนในความผิดต่างๆ รวมทั้งสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มนายทุน คนเปิดบัญชีม้า และดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดทุกราย โดยนำมาตรการตามกฎหมายฟอกเงินมาบังคับใช้ติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับผู้เสียหายเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น
“ให้กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดที่ใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ค้าอาวุธปืน การพนัน ออนไลน์ ยาเสพติด และอื่นๆ โดยให้ขยายผลไปยังกลุ่มทุนทุกราย และเน้นมาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแจ้งเตือนประชาชนทุกรูปแบบให้ทราบถึงกลโกง วิธีการของคนร้าย เพื่อให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของการ หลอกลวงประเภทต่างๆ ให้ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า 4.แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้สืบสวนจับกุม กลุ่มผู้ลักลอบปล่อยเงินกู้ และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่ รวมถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างจริงจังเด็ดขาด ให้ยึด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่นเงินสด ยานพาหนะ ของกลุ่ม คนร้ายเพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดซ้ำ ให้จัดทำสารบบข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิด
และ 5. กำชับข้าราชการตำรวจทุกนาย ห้ามมิให้เรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดที่เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ โดยในผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล หากพบการฝ่าฝืนให้พิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญาอย่างจริงจังทุกราย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline