จอนนี่มือปราบ ล้วงใจ อดีตสารวัตรกองปราบ ลาออกขับแกร็บ เพราะเอือมระบบองค์กร

จอนนี่มือปราบ ล้วงใจ อดีตสารวัตรกองปราบ ลาออกขับแกร็บ เพราะเอือมระบบองค์กร ทำเอาชาวเน็ตต่างให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อ จอนนี่มือปราบอินดี้ หรือ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ ที่มีผลงานรวบผู้ร้ายคดีสำคัญหลายคดีได้อัพโหลดคลิปที่คลายความสงสัยของใครหลายๆ คน เนื่องจากได้ เผยเรื่องราวของ อดีตสารวัตรกองปราบ นรต.61 ที่ได้ทำการลาออกมาขับแกร็บ ทั้งๆ ที่เป็นที่รักของลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน

 

โดย อดีตสารวัตรกองปราบ นรต.61 ที่ว่าก็คือ สารวัตรอุ้ย อดีตยศ พ.ต.ท.ภูมิทัศน์ ปิติจิรานนท์ ซึ่งเคยร่วมงานกับ จอนนี่มือปราบ ใน กก.3 บก.ป. คุมอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ในยุคนั้น ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายอยู่ที่ บก.สอ.ทอ. ซึ่ง อดีตสารวัตรอุ้ย ได้เปิดใจแบบหมดเปลือกเลยว่า อันที่จริงความจริงต้องแยกระหว่างความสุขกับความต้องการ

"ทุกคนต้องการความสุขอยู่แล้ว แต่ว่าความต้องการอีกอย่างหนึ่งของผมคืออยากทำให้องค์กรตำรวจดี ผมในเมื่อได้มาเป็นตำรวจและได้เห็นองค์กรได้เห็นอะไร เราก็รู้สึกว่าไม่ใช่ว่าตำรวจไม่ดี แต่เป็นเพราะระบบขององค์กรที่มันไม่ถูก ผมคิดว่าวันหนึ่งผมจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะไต่เต้าไปถึงจุดๆ หนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ แต่การลาออกของผมมันเกิดจากความรู้สึกที่ผมรู้สึกว่าความฝันผมไม่เป็นจริง" อดีตนายตำรวจใหญ่เล่า

ก่อนที่จะอธิบายเพิ่มเติมว่า การลาออกของตนมันเกิดจากความรู้สึกที่ ตนรู้สึกว่าความฝันของตนเองไม่เป็นจริง ตนเห็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลายคน ที่คิดว่าท่านก็เป็นคนดี แต่ตัวท่านเองก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจได้ ตนเลยคิดว่าผมจะเสียเวลาไต่เต้าไปจนถึงสุดนั้น แล้วก็ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้เหมือนเดิมไปทำไม 
 

 

"ผมเลยคิดว่าความลำบาก ความอดทนในเวลาที่เหลือจนไปถึงวันที่ผมทำความฝันสำเร็จ ผมจะลำบากไปเพื่ออะไร ถ้าลำบากไปแล้วเป้าหมายมันไม่สามารถไปดั่งที่เราตั้งใจ เราก็เลยว่าวันนี้เราเลือกความสบายใจ เลือกความสุขให้ตัวเองบ้าง “มันไม่ได้เป็นเพราะตำรวจไม่ดี แต่มันเป็นเพราะตำรวจอยู่ในระบบที่ไม่ดี มันจะต้องขับเคลื่อนไป" อดีตสารวัตรกองปราบ นรต.61 ระบุ

ก่อนที่จะบอกต่อไปอีกว่า สิ่งที่เราออกมาแล้ว คือเราสามารถเป็นตัวเราเอง เพราะเราไม่ต้องทำตามระบบที่มันผิด เหมือนรถมันถอยหลัง แล้วเราก็ต้องนั่งอยู่บนรถ โดยที่เราไม่สามารถขับเคลื่อนให้มันเดินหน้าได้ ถ้าเราลงจากรถที่มันถอยหลัง อย่างน้อยเราก็ไม่ถอยหลังลงไปกับมัน พร้อมทั้งบอกว่ามีสิ่งที่อยากจะฝากบอกไปถึงข้าราชการตำรวจ ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ในระบบนี้ 

 

"ผมว่าการจะเปลี่ยนระบบมันไม่ใช่คนๆ เดียวที่จะเปลี่ยนได้ มันต้องทุกคนพร้อมใจกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าทุกคนพร้อมใจกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ระบบมันก็จะถูกต้องเอง ถ้าทุกคนพร้อมใจกันทำให้รถไม่ถอยหลัง อย่างน้อยมันหยุดอยู่กับที่ หรือว่าจะเดินหน้า ยังไงเราก็ช่วยกันคิดขับเคลื่อนกันไป ซึ่งผู้นำเป็นส่วนสำคัญ แต่สุดท้ายถ้าทุกคนไม่ร่วมด้วยมันก็ไปไม่ได้" อดีตยศ พ.ต.ท. อธิบายอย่างจริงจัง

 

ทั้งนี้ อดีตสารวัตรอุ้ย ยังได้บอกเหตุผลที่ออกมาขับแกร็บอีกว่า ตนคิดว่าอย่างน้อยออกมาตอนที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ขับแกร็บ แล้วรู้สึกว่า อยากจะเรียนรู้ว่าคนที่เขาขับแกร็บ มาทำงานตรงนี้ สามารถจะเลี้ยงชีพตัวเองได้มั้ย ดูแลตัวเองได้มั้ย เขาเหนื่อยแค่ไหนกว่าที่จะสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ 

"ตอนนี้ผมขับที่กรุงเทพฯ และเราเลือกจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ผมเป็นคนอยู่ว่างไม่ได้ ถ้าอยู่ว่างก็จะหาอะไรทำให้ตัวเองตลอด แปลว่าถ้าผมว่างและไม่มีอะไรทำ ผมก็จะขับแกร็บไปเรื่อยๆ เหนื่อยผมก็หยุดพัก ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนที่มีเป้าหมายก่อนการทำงาน อย่างเป้าหมายขับแกร็บ คือผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นอาชีพที่ดีมั้ย 

สามารถเลี้ยงชีพ ช่วยเหลือคนได้จริงมั้ย และเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะเลี้ยงชีพได้ ผมต้องมีเป้าหมายในการทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่มีเป้าหมายผมจะไม่ทำ เหมือนตอนเป็นตำรวจผมก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเป็นตำรวจเพื่อที่จะไปสู่เป้าหมายเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่พอเป้าหมายเรามองไม่เห็นทางสำเร็จ เราก็ไม่เสียเวลาที่จะทำในสิ่งที่รู้ว่ามันไม่เกิดผล" 

 

อีกทั้ง อดีตสารวัตรอุ้ย ยังได้บอกอีกว่า ส่วนเส้นทางความฝันที่ตั้งใจจะขึ้นไปเพื่อที่จะปรับปรุงองค์กร ก็คือจะผลักดันให้ตัวเองก้าวหน้าในอาชีพการงานจนถึงจุดสูงสุดขององค์กรเพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราเห็นคนดีๆ หลายคนขึ้นไปจุดสูงสุดขององค์กรแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำได้ ตนเลยคิดว่าน่าจะมีปัจจัยอื่นที่มากกว่านั้น 

อดีตสารวัตรอุ้ย เล่าต่อว่า ที่คนดีก็ยังทำไม่ได้ แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร เราก็คิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าผู้นำองค์กรไม่ดี องค์กรเลยเป็นอย่างนี้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าทั้งองค์กรขับเคลื่อนไม่ถูกทาง ทุกคนมันต้องพร้อมใจกันที่จะหยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วเริ่มทำสิ่งที่มันถูกต้อง แต่ก็ยาก ยากที่เราต้องอดทนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นเพื่อเอาตัวรอด

"มันเป็นธรรมดาที่คนเราถ้าตัวเองไม่รอด ครอบครัวไม่รอด จะไปช่วยคนอื่นให้รอดมันเป็นไปได้ยาก ถ้าองค์กรยังเลี้ยงดูบุคลากรให้เขาไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ก็ยากที่บุคลากรทั้งหมดจะช่วยเหลือสังคม ณ เวลานี้ไม่ได้คิดถึงเครื่องแบบ แต่คิดถึงอาชีพ อาชีพนี้ถ้าตำรวจดีผมว่าคนไทยจะดีขึ้นอีกมาก" อดีตสารวัตรอุ้ย ระบุ

นอกจากนี้ อดีตสารวัตรอุ้ย ยังได้ฝากถึงข้าราชการตำรวจว่า "สำหรับข้าราชการตำรวจ ผมเข้าใจนะ ความรู้สึกของทุคนในองค์กรที่อยู่ในระบบที่เรารู้กันดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ว่าเรายังทำไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าพลังความสามัคคีมันจะสามารถเปลี่ยนแปลง และเอาชนะทุกสิ่งได้ ถ้าตำรวจเราร่วมมือร่วมใจกัน สิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้จะเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ยากจะขัด 

แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่มันไม่ถูกต้องนั้น ผู้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คนก็ไม่สามารถเอาชนะคนทั้งองค์กรได้ แล้วตำรวจเป็นอาชีพที่สำคัญที่จะทำให้ความสุขของบ้านเมืองเกิดขึ้น ถ้าเราทำถูกต้องแล้ว มันไม่ใช่แค่องค์กรเราดี มันคือประเทศชาติ มันคือความสุขของประชาชน อยากให้ทุกคนเข้มแข็งต่อสู้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง"

 

คลิป - ภาพจาก ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline