แม่ค้ายำดัง โดนออร์แกไนซ์เทงานแต่ง อ้างชื่อน้องฉัตร สร้างภาพน่าเชื่อถือ

แม่ค้ายำดัง โดนออร์แกไนซ์เทงานแต่ง อ้างชื่อน้องฉัตร สร้างภาพน่าเชื่อถือ กำลังเดือดปุดในโลกออนไลน์เลยทีเดียว เมื่อเฟซบุ๊ก เจ๊มิ้งโคตรยำบางบ่อ ได้เผยให้เห็นนาทีแห่งความเดือด เนื่องจากเธอเตรียมที่จะแต่งงาน และได้ว่าจ้างออร์แกไนเซอร์ชื่อดัง ทั้งที่เธอได้จ่ายเงินไปแล้วเกือบ 4 แสนบาท แต่กลายเป็นว่าเมื่อถึงวันงาน ทุกอย่างกลับไม่เป็นตามที่คาด ออร์แกไนเซอร์เทงานแต่ง จนงานเกือบล่ม

โดย เจ๊มิ้ง ได้เผยนาทีที่กำลังรอช่างแต่งหน้า แต่โทร. ไปทีไร ช่างก็บอกว่าอยู่ตรงทางด่วน เจ๊มิ้งบอกว่าตนไม่อยากให้เจ้าสาวหน้าไหนเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ให้เรื่องนี้จบที่เจ๊มิ้งคนเดียว อีกทั้ง เจ๊มิ้งยังต้องหาโต๊ะจีนใหม่ก่อนงานแต่งงานเพียง 2 วัน พร้อมกันนี้ในวันแต่งงาน เวลา 06.21 น. เจ้าสาวยังไม่ได้แต่งหน้า เสื้อผ้ายังไม่ใส่ ผมยังไม่ทำ ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง ทั้งๆ ที่ต้องเข้าร่วมพิธีเช้า ซึ่งพบว่าวันงานช่างแต่งหน้ามาแต่งหน้าให้ครึ่งชั่วโมงก่อนเข้างานเท่านั้น

ก่อนที่ เจ๊มิ้ง จะมาเล่าต่อว่า ตนได้ติดต่อออร์แกไนเซอร์เจ้านี้ไป และพบว่าพฤติกรรมของออร์แกไนเซอร์คือมาขอเบิกเงินเรื่อยๆ ตั้งแต่มัดจำ เพิ่มค่าสถานที่ และอื่นๆ โดยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เจ๊มิ้งได้ส่งมัดจำเงินก้อนแรก 60,000 บาท จากนั้นทางออร์แกไนซ์ก็บอกว่า ให้จ่ายเงินก้อนที่ 2 จำนวน 40,000 บาท ในวันที่ 27 พ.ค. โดยมีของแถมคือโฟโต้บู๊ทในวันงาน และถ่ายพรีเวดดิ้งที่สตูดิโอชื่อดังที่ดาราใช้ถ่ายงานแต่งงาน และเจ๊มิ้งก็โอนเงินเลยวันนั้น และทางออร์แกไนเซอร์ได้คอนเฟิร์มและบอกว่าจะออกใบเสร็จให้

จากนั้นทีมงานได้ส่งรูปมาให้เพื่อดูคอนเซ็ปต์ว่างานจะออกมาประมาณไหน โดยบอกว่าบนเวทีสามารถทำให้เป็นรูปปราสาทได้ แบ็กดรอปหน้างานสามารถเป็นดอกไม้เยอะๆ เหมือนในเทพนิยาย เข้าไปในงานในเจอปราสาทบนเวที ซึ่งทางทีมจะพยายามบีบงบประมาณให้ได้ ส่วนของแบ็กดรอปหน้างานไม่มีปัญหา แต่ส่วนของปราสาทบนเวทีต้องเคาะราคาอีกครั้ง
 

กระทั่งทางออร์แกไนซ์ได้บอกว่า หน้าเวทีนั้นมีจอโปรเจกเตอร์ด้านหน้า จะบังปิดงานตกแต่งตอนฉายสไลด์เปิดตัวบ่าวสาว แนะนำให้เปลี่ยนเป็นจอตั้งข้างเวที ส่วนนี้มาค่าใช้จ่าย 7,000 บาทแต่ทางออร์แกไนซ์ไม่คิดเงิน ส่วนฉากปราสาทบนเวทีต้องลดความสูงลงเพื่อคุมงบ แต่ก็มีการขอเบิกมัดจำเพิ่มอีก 10,000 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มโปรเจกเตอร์ 2 จอ พร้อมเครื่องฉายและคนคุมงาน

 

ทั้งนี้เธอยังโดนทางออร์แกไนเซอร์งานแต่งอ้างว่า ได้มีการคุยกับทางผู้จัดการของ น้องฉัตร ช่างแต่งหน้าชื่อดัง และได้ราคาแต่งหน้าที่ 50,000 จากค่าตัวน้องฉัตรอยู่ที่ 70,000 บาท ซึ่งน้องฉัตรจะมาแต่งหน้างานเย็น ถามว่าทางเจ๊มิ้งสนใจหรือไม่ แต่เจ๊มิ้งบอกว่าปังมากเลย แต่ไม่เอาดีกว่า ซึ่งทางออร์แกไนเซอร์ก็พยายามชักจูงว่า ราคานี้คือราคา 2 คู่ ให้เธอไปอ้อนสามีได้ไหม แต่เจ๊มิ้งก็ยังยืนยันว่าไม่เอา ถ้าจะแต่งหน้า 50,000 ก็ไปทำหน้าใหม่เลยดีกว่า

แต่ทางร้านก็ยังรบเร้าต่อ ตำหนิว่าสามีเธอใจร้าย ราคานี้มันอยู่ในแพ็กเกจไม่ได้เพิ่ม และ เจ๊มิ้ง เลือกสถานที่จัดงานใหม่ ขอเพิ่มเงินเข้ามา 30,000 บาท และเนื่องจากมีการเลือกแพ็กเกจงานพรีเมี่ยม ราคาจึงปรับขึ้นไปเป็น 299,900 และปลายปีจะปรับแพ็กเกจขึ้นไปอีกทั้งช่างแต่งหน้าและสถานที่เป็น 329,900 บาท รวมทั้งมีการกดดันให้เจ๊มิ้งอ้อนสามี อ้างว่าวันนี้มีลูกค้าจองไปแสนห้า ล็อกคิวให้ลูกค้าเรียบร้อย

ต่อมา ทางเจ๊มิ้งก็สงสัยว่าทำไมเอาราคาช่างแต่งหน้าน้องฉัตรมาร่วมในแพ็กเกจนี้ เพราะมันถูกเกินไป ทางร้านจึงพยายามบอกว่า เงินส่วนไหนที่ขาด ทางร้านจะออกเงินให้ลูกค้าเอง จน เจ๊มิ้ง ถามว่าทำไมถึงออกเงินให้ ทางร้านก็บอกว่าทางร้านอยากได้โปรไฟล์ เพราะเพจเจ๊มิ้งดัง รู้จักคนเยอะ อยากให้สวยให้จบ ให้งานออกมาดีที่สุด

ทว่า เจ๊มิ้ง เองไม่เชื่อ จึงขอไปดูงานอื่นที่จัดว่าใช่อย่างนั้นจริงๆ ไหม สรุปว่าไปงานอื่นก็เจอออร์แกไนซ์รายนี้จัดงานอื่นจริงๆ เลยทำให้เชื่อและไม่คิดว่าหลอก และยังมีการส่งแชทที่อ้างว่าเป็นแชทของน้องฉัตร คอนเฟิร์มคิววันที่ 18 กันยายน อีกต่างหาก

แต่เมื่อถึงใกล้วันงาน ปรากฏว่าทางเจ๊มิ้งได้ทยอยจ่ายเงินมัดจำจนหมดเหลือแค่ 50,000 บาท แต่ทางออร์แกไนเซอร์กลับมาขอเบิกอีก ซึ่งทางเจ๊มิ้งบอกว่าจ่ายให้ได้แค่ 20,000 แต่ออร์แกไนเซอร์ต่อรองขอเป็น 30,000 บาทแทน เจ๊มิ้งจึงส่งเงินไปให้ และจากนั้นก็มีการส่งฉากใหม่มาให้ และบอกว่าจะขอเบิกเงินอีก 20,000 บาท อ้างถึงชุดถ่ายแต่งงานพรีเวดดิ้ง 

โดยบอกว่าเป็นของสตูดิโอชื่อดังที่ดาราชอบใช้ แต่จะขอค่าประกันชุดอีก 20,000 บาท เมื่อใกล้ถึงวันงาน ทางออร์แกไนเซอร์ยังขอเบิกเงินไม่หยุด ทั้งเรื่องการเพิ่มของรับไหว้ เพิ่มไฟ เพิ่มเครื่องเสียง เจ๊มิ้งก็จ่ายอีก 6,700 บาท จนสุดท้าย ทางเจ๊มิ้งได้สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมา พบว่าจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 3.8 แสนบาท โดย 3.2 แสนบาทเป็นเงินที่ให้กับออร์แกไนเซอร์ ส่วนที่เหลือคือเงินค่าเหล้าและอื่นๆ ที่ต้องมาจ่ายเอง

มากาพย์ยังไม่พอเพียงแค่นั้น เพราะยังมีเรื่องของชุดแต่งงานที่เจ๊มิ้งดีลเอาไว้อีก ซึ่งชุดแต่งงานที่ส่งไปสวยงามอลังการ แต่ชุดที่ใส่ในวันงานนั้นคนละเรื่อง คนละแบบ ทั้งเนื้อผ้าทั้งการตัดเย็บ ทั้งฉากที่คุยกันไว้ วันจริงบ่าย 2 ฉากยังไม่เสร็จ โต๊ะจีนยังไม่ตั้ง ไม่มีเครื่องเสียง ไม่มีไฟ ไม่มีกระทั่งช่างแต่งหน้า ทุกอย่างเละเทะจนเพื่อนๆ ต้องมาช่วยกันทำเอง ลงมือเอง วิ่งไปเทศบาล ไป อบต. เพื่อหาผ้าสีขาวทำประดับงาน และกลายเป็นว่าทางบ้านเจ้าสาวต้องเตรียมเองทุกอย่าง ออร์แกไนเซอร์เทงานไปดื้อๆ ซะงั้น

ไม่นานเรื่องนี้ก็ดังมากจนมีคนแชร์ออกไปเกือบ 4,000 ครั้ง จนทำให้ทาง ผู้จัดการน้องฉัตร ออกมาคอมเมนต์ว่า ตนคือผู้จัดการของน้องฉัตร และคนนี้คือมิจฉาชีพ แค่ถ่ายรูปด้วยกันและเอารูปไปอ้างว่ารู้จักกัน รวมไปถึงตัวน้องฉัตรเองยังทักมาบอกว่า ถ้าจะดีลงานกับน้องฉัตร ต้องติดต่อผ่านไลน์งานโดยตรงเท่านั้น และจะมีผู้จัดการช่วยดีลงานให้ ออร์แกไนเซอร์คนนี้เอาชื่อของน้องฉัตรไปหลอกคนอื่น และอ้างว่ามีออร์แกไนซ์กำลังมีเรื่องฟ้องร้องกับน้องฉัตร แต่น้องฉัตรยืนยันว่าไม่ได้ฟ้องร้องใครทั้งนั้น

ก่อนที่จะค้นพบความจริงว่าไม่ใช่เพียงเจ๊มิ้งที่ถูกหลอก เพราะช่างภาพงานเช้าก็บอกว่ายังไม่ได้เงินจากการไปถ่ายภาพเหมือนกัน ปากหวานไม่ได้แปลว่าใจดี ถ้าไม่จ่ายวันนี้ทางช่างภาพจะเดินทางไปศาลเพื่อฟ้อง รวมไปถึงทีมงานเครื่องเสียงก็บอกว่าตนยังไม่ได้เงินเหมือนกัน และมีอีกคนที่บอกว่าตนก็โดนแต่ไหวตัวทัน ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลอยู่

ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะยังมีหลายคนที่เจอออร์แกไนเซอร์คนนี้เล่นงาน ทั้งที่เป็นลูกค้า ยกเลิกสัญญาไม่ได้เงินคืนมัดจำจนต้องฟ้องศาล โต๊ะจีนที่ต้องทวงเงินตั้งนานกว่าจะยอมจ่ายทั้งที่จัดงานเสร็จไปแล้วและลูกค้าจ่ายเงินมาแล้ว รวมถึงคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพิธีกรในงานที่เจ้าสาวเป็นหลานของ มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล แต่บ่าวสาวถูกออร์แกไนเซอร์เททั้งแบ็กดรอป ทั้งพานขันหมาก สู้จนกระทั่งแก้ไขสถานการณ์และผ่านมาได้ และบางคนก็บอกว่าเจอออร์แกไนเซอร์เจ้านี้ทำแสบตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว

ภาพจาก เจ๊มิ้งโคตรยำบางบ่อ

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline