- 03 ต.ค. 2565
สาวโวยแหลก ธนาคารยึดบ้านบุกรื้อของเกลี้ยง เอาป้ายมาปิดประกาศขาย แต่สุดท้ายคดีพลิกแรงเพราะ "ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง"
เป็นใครก็ปรี๊ด เมื่อสาวรู้ข่าวร้าย เพื่อนบ้านโทรมาถามว่าจะขายบ้านหรือ ได้ยินครั้งแรกทำเอางง ยิ่งรู้ว่าจู่ๆธนาคารส่งคนมาขนข้าวของในบ้านออกไปจนเกลี้ยงและปิดประกาศขายบ้านของเธอ เธอรีบเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวทันทีและพบว่าที่จริงแล้ว "ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง" งานนี้ไร้การคุยเรื่องเยียวยา สุดทนร้องทุกข์ไปยังเพจ ทนายคู่ใจ ของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทันที
โดยเพจทนายคู่ใจ เผยเหตุการณ์ สาวโวยแหลก ธนาคารยึดบ้านบุกรื้อของเกลี้ยง ปิดประกาศขาย สุดท้ายคดีพลิกแรง
#ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง ทางเพจทนายคู่ใจได้รับเรื่องร้องเรียนสอบถามมาจากแฟนเพจ
คุณกาญจนา ร้องกับทางเพจทนายคู่ใจเข้ามาว่า ตนมีบ้านอยู่ที่หมู่บ้าน xxxxx ปทุมธานี บ้านเลขที่ 99/38 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมด เหลือแต่บ้านโล่งๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปจนหมด และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก
วันที่15 กันยายน 2565 เพื่อนบ้านสงสัยว่าทำไมมีป้ายติดประกาศว่าบ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุกและติดประกาศขาย แต่ ในประกาศเป็นบ้านเลขที่ 99/44 เพื่อนบ้านเลยโทรติดต่อธนาคารไปเพื่อที่จะขอซื้อดู จึงได้รู้ว่าบ้านที่จะขายนั้นบ้านเลขที่99/44 ไม่ใช่ บ้านเลขที่ 99/38 เพื่อนบ้านเลยโทรแจ้งตนว่า จะขายบ้านหรอ เห็นคนมารื้อบ้านรีโนเวทและติดป้ายของธนาคาร ซึ่งพอทราบเรื่องจากเพื่อนบ้านแล้ว จึงได้รีบเดินทางไปที่บ้านหลังนั้น ซึ่งก็เห็นตามสภาพคือบ้านโล่งๆ ของถูกรื้อเอาออกไปจนหมดทุกอย่าง ประตูห้องครัวและประตูระเบียงถูกปิดล็อคโดยกุญแจของธนาคาร และก็ได้โทรแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร คอลเซ็นเตอร์ก็รับเรื่องไว้
วันที่ 16 กันยายน ได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจลาดหลุมแก้ว
วันที่ 18 กันยายน ตำรวจก็ขอเข้ามาดูบ้าน ถ่ายรูปและตนก็ได้เอากุญแจชุดใหม่ไปคล้องไว้ที่หน้าบ้าน เพราะรั้วหน้าบ้าน ธนาคารเอากุญแจออกไปแล้ว
สำหรับป้ายที่ติดหน้าบ้านและกุญแจรั้วหน้าบ้านพอทางธนาคารรู้ว่าผิด ธนาคารก็ได้รีบดำเนินการมาเอาป้ายและกุญแจออก ก่อนที่ตนจะเข้าไปที่บ้าน
วันที่ 16 กันยายน ก่อนที่จะเข้าไปแจ้งความได้ติดต่อไปที่คอลเซ็นเตอร์อีกครั้งทราบว่ารับเรื่องไว้ และจะติดต่อกลับภายใน 3 วันทำการ แต่เนื่องจากมีคนที่รู้จักกับทางนิติกรของธนาคารจึงโทรไปแจ้งฝ่ายนิติกรว่ามีการยึดบ้านผิด และผู้รับเรื่องแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่นิติกรติดต่อมา
วันที่ 17 กันยายน มีเจ้าหน้าที่นิติกรโทรมาขอโทษและแจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารจริงที่เข้าทำบ้านผิดหลัง และธนาคารแจ้งว่าจะให้ทางนิติกรเข้ามาคุย จึงนัดให้ไปพบและคุยที่สถานีตำรวจในวันที่ 20 กันยายน
เมื่อวันที่ 20 กันยายน ตนกับทางตัวแทนธนาคารได้มาเจรจาตกลงค่าเสียหายกัน เบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 2 ล้านบาท ธนาคารแจ้งว่าเป็นการเข้าทำผิดหลัง ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด ทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ ของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้รับของที่เก็บไว้คืนก่อน แต่ยังแจ้งไปว่ายังไม่รับคืน และยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง
วันที่ 26-27 กันยายน ได้โทรสอบถามทางเจ้าหน้าที่นิติกร และทนายของธนาคาร ว่าได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังรวบรวมรายการทำทรัพย์สินที่ธนาคารเก็บไว้เพื่อจะส่งคืน แต่ไม่ได้พูดถึงการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ การติดต่อดำเนินการทุกอย่าง เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยติดต่อ สอบถามไปเอง ไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ปัญหาใด ๆ จากทางธนาคารเลย
บ้านของตนเลขที่ 99/38 กับบ้านที่ถูกประกาศขาย 99/44 ห่างกันไป 3 หลัง และบ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้องไม่ได้มีคดีอะไรและไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารที่เข้ามารื้อของด้วย
ทั้งนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่าจากนี้ทางธนาคารจะออกมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
ขอบคุณ ทนายคู่ใจ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline