- 03 ต.ค. 2565
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) 3 ต.ค.65 แจ้ง 3 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
3 ต.ค.65 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ – เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำท่า ประกอบกับกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้มีประกาศฉบับที่ 46/2565 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2565 แจ้งว่า เนื่องจากอิทธิพลของพายุ “โนรู” ทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณจังหวัดแพร่ และจังหวัดสุโขทัย ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำยมที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (Y.14) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 เวลา 16.00 น. ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ +70.67 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,186 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และบริเวณประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ ระดับน้ำอยู่ที่ +63.97 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อัตรา 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำที่สถานี Y.4 (อำเภอเมืองสุโขทัย) มีระดับสูงขึ้น โดยจะควบคุมปริมาณน้ำผ่านในอัตราสูงสุดไม่เกิน 510 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ ตั้งแต่บริเวณอำเภอสวรรคโลก ศรีสำโรง เมืองฯ และกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย อำเภอพรหมพิราม และบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม และโพทะเล จังหวัดพิจิตร
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้แจ้ง 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนผู้ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
ท้ายนี้ ประชาชนในพื้นเสี่ยงภัยขอให้ติดตามข้อมูลปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline