- 28 ต.ค. 2565
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความกรณี สมศักดิ์ เทพสุทิน ยอมรับว่า เจ้าของผับมั่วยา บริจาคเงินให้ พปชร.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
*แปลงสัญชาติ แล้วบริจาคเงินให้พรรคการเมือง
-สมศักดิ์ เทพสุทิน ยอมรับว่า นายชัยณัฏร์ เจ้าของผับดังย่านยานนาวา ที่มีคนจีน 100 กว่าคน เข้าไปมั่วสุมยาเสพติด บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3,000,000 บาทที่เป็นข่าวใหญ่ในขณะนี้
-นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รับว่า เจ้าของผับ บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3,000,000 บาท เป็นเรื่องจริง
-ผมตกใจ เพราะ
1. นายชัยณัฏร์ เป็นคนสัญชาติจีน ทราบตามข่าวต่อมาว่า ได้ขอแปลงสัญชาติ จนได้สัญชาติไทย และน่าจะได้สัญชาติไทย ตามพรบ.สัญชาติ ม.12
2.ปัญหามีต่อไปว่า ขณะบริจาค นายชัยณัฏร์ สละสัญชาติจีนแล้วหรือยัง เพราะตามพรบ.เพราะหากยังถือ 2 สัญชาติ แล้วมาบริจาคเงินให้พรรคการเมือง สุ่มเสี่ยงต่อการเลี่ยงกฎหมาย พรรคการเมืองที่รับบริจาค จะมีความผิดตาม ม.74 อันอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ตามม.92
3.ต้องดูว่า ผับของนายชัยณัฏร์ จัดตั้งเป็นนิติบุคคลชื่ออะไร มีใครถือหุ้น สัดส่วนเป็นเช่นไร มีนอมินีถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องดูลึกไปอีกว่า เงิน 3 ล้าน ของนายชัยณัฏร์ เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินที่ถอนมาจากนิติบุคคล ที่มีนอมินีเป็นผู้ถือหุ้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น นิติบุคคลที่เปิดผับ ก็ถือนิติบุคคลต่างด้าวนั่นเอง บริจาคเงินก็ผิดตามม.74(2) ยุบพรรคได้
4. พฤติกรรมของนายชัยณัฏร์ เข้าข่ายถูกเพิกถอนสัญชาติตามม.19 แล้ว
-เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคพลังประชารัฐต้องตอบ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้อนุญาตให้แปลงสัญชาติ ต้องตอบ สุดท้าย กกต.ก็ต้องตอบ แต่ที่เอ่ยนามมาทั้งหมด เราจะเชื่อถือใครได้บ้าง เมื่อเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ/
*เงินบริจาค 3 ล้าน ให้พรรคพลังประชารัฐ เมื่อฝ่ายค้านไร้น้ำยา ต้องให้คนหิวแสงทำ
-เมื่อวาน ผมโพสต์เรื่อง คนจีนที่แปลงสัญชาติ และได้สัญชาติไทย บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3,000,000 บาท มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ เรื่องนี้ หากฝ่ายค้านเข้มแข็ง หาความจริงไม่ยาก แต่เมื่อฝ่ายค้านมัวแต่เล่นกับสื่อ ก็คงต้องพึ่งบุคคลนอกวงการให้ตรวจสอบ เรื่องนี้จึงต้องพึ่ง"คนหิวแสง" จะเป็นใครก็แล้วแต่ ให้ติดตามแต่การตรวจสอบไม่ง่าย เพราะ
1.ข้อมูลทั้งหมดอยู่กับภาครัฐ อำนาจรัฐอยู่กับพรรคที่เป็นข่าว
2.คนอนุมัติให้แปลงสัญชาติ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ ท่านมท.ต้องเปิดปากพูดว่า ตอนบริจาค ชาวจีนคนนี้ ยังถือ 2 สัญชาติหรือไม่ วันนี้ บ่ายๆ ท่านพูดเสียเถอะ หากยังถือ 2 สัญชาติ ท่านจะเพิกถอนสัญชาติหรือไม่ พูดเสียเถอะครับ
3.นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกเสนอชื่อโดยพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับเงินบริจาคจากชาวจีนคนนี้ ก็ไม่ง่ายที่หน่วยงานจะเปิดเผยข้อมูล
4.ธุรกิจของชาวจีน เงินทุนส่วนใหญ่เป็นของไทย หรือ ของจีน (อันนี้ตอบในใจท่านดูเอง) หากธุรกิจนี้ทุนส่วนใหญ่เป็นของจีน นิติบุคคลนี้ ก็เป็นนิมินีของคนสัญชาติจีน
5.เงิน 3,000,000 ที่บริจาคให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นเงินส่วนตัวของชาวจีนคนนี้ตามที่ปรากฎในหลักฐานการบริจาค หรือ เป็นเงินที่ถอนจากนิติบุคคลที่เป็นนอมินีของจีน หากเป็นดังนั้น ยุบพรรคแน่นอน
6.ชาวจีนที่แปลงสัญชาติรู้จักกับใครในพรรคพลังประชารัฐ จนบริจาค 3 ล้าน ไม่น่าเชื่อว่า ชาวจีนคนนี้ เดินทางมาที่พรรคพลังประชารัฐโดยไม่รู้จักใครเลย มาถึงพรรคแล้วเคาะประตูพรรค แล้วบอกว่า นำเงิน 3 ล้าน มาบริจาค โดยไม่รู้จักใครในพรรคเลย เป็นอย่างนั้นหรือ เพราะรัฐมนตรีสมศักดิ์ บอกว่า ไม่มีใครรู้จักคนจีนคนนี้
8.หากมีข้อเท็จจริง สุ่มเสี่ยงว่า นายกรัฐมนตรี ได้ตำแหน่งจากพรรคการเมืองที่ได้รับเงินบริจาคที่ยังเป็นที่น่าสงสัยตามสมควร ผมว่าท่านนายกรัฐมนตรีไม่สง่างามแล้วครับ ท่านต้องพูดอะไรสักอย่าง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพรรคที่สนับสนุนท่านเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ทำผิดกฎหมาย หรือ ไม่เลี่ยงกฎหมาย
-เรื่องนี้ ถ้าเกิดกับพรรคอื่น ไม่เกิน 7 วัน น่าจะมีข้อสรุป
-ผมขออภัยแฟนคลับ ผู้คลั่งไคล้ลุงตู่ เรื่องนี้ให้มีการตรวจสอบเถอะครับ มันเป็นเรื่องลุงตู่ได้อำนาจมาด้วยวิธีการอย่างไร และ อยู่ในอำนาจอย่างไร เรื่องใหญ่ครับ
#ใครหิวแสง ทำเรื่องนี้เถอะ แสงเยอะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองด้วย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline