- 29 ต.ค. 2565
"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ความคืบหน้า โควิด-19 สายพันธุ์ย่อย XBB และ BQ.1.x
"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ระบุว่า
...อัพเดตเกี่ยวกับ BQ.1.x และ XBB
คณะที่ปรึกษาวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาของสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 หรือ WHO's Technical Advisory Group on SARS-CoV-2 Virus Evolution (TAG-VE) ได้ออกแถลงการณ์หลังประชุมหารือเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 โดยเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เมื่อ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
สาระสำคัญคือ จากการทบทวนข้อมูลวิชาการจนถึงปัจจุบัน สายพันธุ์ย่อย XBB และ BQ.1.x นั้น แม้จะมีการกลายพันธุ์ไปมาก แต่ยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ Omicron โดยยังไม่มีความจำเป็นจะต้องประกาศเป็นสายพันธุ์ใหม่ และจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern) เช่นเดิม และจะมีการติดตามข้อมูลต่อไปอย่างใกล้ชิด
สำหรับสายพันธุ์ย่อย XBB:
เกิดจากการผสมกันระหว่างสายพันธุ์ย่อย BA.2.10.1 และ BA.2.75
ปัจจุบันตรวจพบความชุกของ XBB ราว 1.3%
กระจายไป 35 ประเทศทั่วโลก
แม้ดูเหมือนว่าความรุนแรงของโรคอาจไม่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิม แต่ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าอาจมีอัตราการติดเชื้อซ้ำ (Reinfection) สูงกว่าสายพันธุ์อื่นที่มีการระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนที่สายพันธุ์ Omicron จะระบาด
จากสมรรถนะการดื้อต่อภูมิคุ้มกันของ XBB โอกาสจะแพร่ระบาดวงกว้างนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ อัตราการติดเชื้อจากการระบาดในแต่ละพื้นที่ รวมถึงระดับภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีนของประชากร
สำหรับสายพันธุ์ย่อย BQ.1.x:
เป็นสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์มาจาก BA.5
ปัจจุบันมีความชุกอยู่ราว 6%
กระจายไปแล้ว 65 ประเทศทั่วโลก
ข้อมูลปัจจุบันจากหลายพื้นที่ ชี้ให้เห็นว่า BQ.1.x มีสมรรถนะการขยายตัว (growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและอเมริกา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
จากตำแหน่งที่กลายพันธุ์ มีแนวโน้มที่จะทำให้ไวรัสนี้ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากขึ้น และอาจทำให้มีอัตราการติดเชื้อซ้ำสูงขึ้นได้
ทั้งนี้พบว่า การฉีดวัคซีนที่มีอยู่ทั้งรุ่นดั้งเดิม และรุ่นใหม่แบบ Bivalent นั้น อาจได้ผลในการป้องกันการติดเชื้อ BQ.1.x ได้ลดลงกว่าเดิม แต่ยังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการลดการป่วยรุนแรง
...สำหรับคนไทย
การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ถือเป็นเรื่องสำคัญ
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะช่วยให้เตรียมรับมือกับการระบาดใหม่ที่อาจปะทุขึ้นช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า ลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และลดความเสี่ยงต่อ Long COVID
เหนืออื่นใด การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่thainewsonline