- 11 พ.ย. 2565
ชูวิทย์ โพสต์เดือดอีก ฉะ สันธนะ ลั่นไม่กลัว มวยคนละชั้น กระดูกคนละเบอร์ เทียบชัดวัดแค่หุ่นสงสัยแดก “หมูกระทะ” มากไป...
วันที่ 11 พ.ย. 65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองดัง ได้ออกมาโพสต์ฟาด นายสันธนะ ประยูรรัตน์ หลังจากหวิดวางมวยกันที่ สน.ทองหล่อ จากปมคนจีนสีเทา โดยระบุว่า...
กูไม่กลัวมึง
ผมเคยทำอะไรในอดีต ทุกคนทราบ ตกผลึกรอดมาถึงบัดนี้ได้ ถือว่าเกินคุ้ม ไอ้พวกเทาที่แสร้งทำตัวขาว ขออนุญาตให้ผมจัดการเอง รับผิดชอบเอง เพราะชอบอ้างว่ารู้ไปทุกเรื่อง เพื่อฟอกขาวไปใช้กับคนสีเทาดำในการต่อรองเอาผลประโยชน์เข้าตัว เรียกราคาเป็นล้าน ได้แค่หลักหมื่น ก็เอาเข้าบ้านแล้วแต่นี่เป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ที่ผมจำเป็นต้องตบสั่งสอน หากขึ้นเวที ขอประกาศยืนยัน “นาทีเดียวไม่ล้ม ยอมกราบ”
วัดหุ่นกันก่อน สงสัยแดก “หมูกระทะ” มากไป ผมมีวินัย ฝึกซ้อมทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว เอาเป็นว่า “กระดูกคนละเบอร์”อย่ามาเปรียบ “มวยคนละชั้น”ส่วนเรื่อง “มีสาระ” ที่ผมเปิดประเด็น ตำรวจรับไปขยายผล จัดการ “จีนเทา” ผมกล้าเอาชีวิตที่เกินกำไรเป็นเดิมพันว่ากอบโกย สูบฉีดสังคม ทำร้ายคนไทย มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วมากมาย หากไม่เร่งจัดการวันนี้ อนาคตจะเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อสังคม เศรษฐกิจ
สนิมจีนเทาดำเหล่านี้ หากไม่เกิดจากเนื้อในของคนไทยเทาดำให้การสนับสนุนแล้ว ย่อมไม่สามารถกระทำได้ จึงถือว่าผิดตามกฎหมายที่ต้องมี “ตัวการ” และยังมี “ผู้สนับสนุน”เพราะดันมาบอกว่า “กลุ่มทุนจีน 5 เสือ” ที่ผมพูดถึงนั้นไม่ผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำมาหากินสุจริต แต่ไม่มีหลักฐานใดมาโต้แย้ง นอกจากปากที่อ้างว่า “รู้จัก” เหมือนทุกครั้งที่อ้างเมื่อมีกระแสร้อนแรงใดๆ ในสื่อขณะนั้น
ผมเปิดเผยข้อมูลเพื่อเตือนสังคมมาหลายเดือน จนถึงจุดเดือดที่ ผับ “จินหลิง” แถวยานนาวา ถูกเปิดเผยจะๆ คาตา ต่อมาผมสื่อว่านี่คือ “ผับศูนย์เหรียญ” เพราะไม่เหลือเศษให้คนไทยได้กิน และล้อกับเรื่องที่ “บิ๊กโจ๊ก” เคยจัดการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ของจีน
แต่มันร้ายแรงกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า เพราะพัวพันถึงยาเสพติด ฟอกเงิน ธุรกิจสีเทาดำต่างๆ อีกมากมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์เชื่อมโยงถึงใครเดาได้ไม่ยาก ขนาดจีนเทาดำ “ตู้ห่าว” ที่หนีไปต่างประเทศ ยังมี “ไพรเวทเจ็ท” ส่วนตัว แล้วยังเจียดเศษเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองได้อีก ยังไม่นับพวกหาเศษหาเลย ชอบอ้างว่ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ที่เดือดร้อนเพราะกินเศษน้ำ นับเป็น “ตัวแทน” จากจีนเทาที่รีบออกมาปกป้อง
การอ้าง ใครๆ ก็อ้างได้ ไม่มีใครมา “การันตี” เพราะพวกทำผิด ต้องเงียบ เพื่อให้คนกลางไปเคลียร์ และใครจะมีพาวเวอร์ หากไม่ใช่คนที่สามารถออกสื่อเรียกแขกได้ แต่ไม่มี “หลักฐาน” ใดๆ นอกจากใช้น้ำลาย และความบ้า เป็นต้นทุน
ทุกครั้งก่อนการแฉ ผมต้องมี “ข้อมูล” อันเป็นประจักษ์ชัดเจน ไม่ใช่ “กั๊ก” ไว้เพื่อต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แม้แต่ “จีนเทาภาค 2” (ภาคพิสดาร) หากไม่เร่งขุดคุ้ย การประมูลของหน่วยงานรัฐจะมีการ “ฮั้วมหาศาล” หรือตัดราคายับจนชนะ เพราะทุนจีนอาศัยสโลแกน “ขาดทุนวันนี้ เพื่อครองตลาดทำกำไรในวันหน้า”
ฉากหน้าเป็นบริษัทไทย แต่ไส้ในเป็นหุ้นจีนทั้งแท่ง เงินที่นำมาใช้เป็นทุนสีเทาดำ เอามาฟอกกลายเป็น “เงินขาว” แล้วคนไทยที่ไหนจะไปสู้ได้ ?หลักฐานมีให้ “บิ๊กต่อ” และ “บิ๊กโจ๊ก” ไปแล้ว แต่ต้องสาวไส้นาน เพราะไม่ได้เห็นเงิน เห็นยาชัดๆ พวกนี้เป็นเหมือน “จีนเทาใส่สูท” ปล้นเงินคนไทย แล้วโอนกลับไปตามบ่อนนอกประเทศ และโอนต่อไปไหนก็ได้ในโลก
ผมเคยทำร้ายสังคม และได้ชดใช้ความผิดไปหมดสิ้นแล้ว รู้จักแบ่งแยก ดี เลว คบคนหลากหลาย จึงไม่แปลกใจที่มี ไอ้บ้า กล้ามาทุบประตูห้องประชุมในโรงพักขณะ รอง ผบ.ตร. นั่งอยู่ เพื่อประกาศศักดิ์ดาว่า “กูใหญ่” ไม่กลัวใคร แต่ขอบอกไว้ว่า “กูไม่กลัวมึง”
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline