- 11 พ.ย. 2565
กลายเป็นหนังคนละม้วน! เมื่อทนายของผัว-เมียบริษัทโลจิสติกส์ แถลงโต้สาวหล่อ พร้อมสู้คดีในศาล แต่เชื่อคุยกันได้
จากกรณีสาวหล่อ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวหล่อ) พบ พงส.บก.ป.แจ้งความดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยานายจ้างเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์มีชื่อเสียง มูลค่าบริษัทหลายร้อยล้านบาท โดยมีนาย จ. และ นาง บ. เป็นเจ้าของบริษัท และเป็นสามีภรรยากัน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด
ล่าสุด 11 พ.ย.65 ทนายความของ 2 สามีภรรยา ที่ถูกสาวหล่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีอ้างว่าถูกข่มขืน บังคับขู่เข็ญ ให้ใช้ชีวิตอยู่กันแบบ 3 คนผัวเมีย แถลงข่าวกับสื่อมวลชน ระบุว่า เรื่องนี้ถือว่าสาวหล่อเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัท ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท พร้อมทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวหล่อก็ยังไม่ยอมหยุด จนเวลาเนิ่นนานกว่า 5-6 ปี
กระทั่งมาถูกเจ้าของบริษัท ซึ่งเป็นสามีจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมากเมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 โดยมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน มีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ซึ่งเป็นการมีเพศสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจยินยอมกันทุกฝ่าย
รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย หลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว นายเอกสิทธิ์กล่าวว่า ต่อมาฝ่ายสาวหล่อได้มีการร้องขอให้มีการทำสัญญาเป็นหลักฐาน ในการอยู่ลักษณะชาย 1 หญิง 2 เพราะกลัวว่าหากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องเรื่องของการเป็นชู้
เพราะผู้เสียหายทั้งสองมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นสัญญาทาส ทั้งที่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญ ทนายยังบอกอีกว่า ทั้ง 3 คน คบกันสักระยะหนึ่ง คาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว ทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา พยายามออกข่าวเพื่อเอากระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน ที่ฝ่ายตนมาชี้แจงในครั้งนี้
เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline