เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉ สาวทอมเคยพาเมียหนี ก่อนกลับมาเพราะเรื่องเดียว

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง เล่าเบื้องลึก สาวทอม เคยพาเมียหนี - ร้าวถึงขั้นหย่า ก่อนกลับมาหาเพราะเรื่องเดียว

เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉ สาวทอมเคยพาเมียหนี ก่อนกลับมาเพราะเรื่องเดียว จากที่ก่อนหน้านี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พา น.ส.เอ๋ (สาวทอม) พบ พงส.บก.ป. เพื่อตั้งใจจะแจ้งความดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยานายจ้างเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด 

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า

กระทั่งต่อมา ทนายความของเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว ด้วยการเปิดเผยอีกมุม พร้อมทั้งระบุว่ามีหลักฐานต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่การข่มขู่หรือสัญญาทาสแต่อย่างใด แต่เป็นความสมัครใจของทั้ง 3 ฝ่าย

 

(อ่านข่าว - ทนายผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉสาวทอม พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ)

  หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานล่าสุดว่าหลังพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ติดต่อไปหา 2 สามี-ภรรยาเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทั้งคู่ได้ตอบรับให้ความร่วมมือในทันที ก่อนเดินทางมายัง บก.ปคม. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ 


ฝ่ายสามี หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ระบุว่า ที่ผ่านมา น.ส.เอ๋ สมยอมมาตลอดและไม่เคยถูกใครบังคับให้ยินยอมอยู่กินแบบสามคนผัวเมีย ตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มจาก น.ส.เอ๋ แอบคบหาเชิงชู้สาวกับภรรยาตนนานกว่า 6 ปี จนครอบครัวเกิดปัญหาถึงขั้นเคยจดทะเบียนหย่า

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า

จากนั้นอีกฝ่ายก็หนีไปใช้ชีวิตร่วมกันสองคน แต่สุดท้ายไปกันไม่รอด ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับตนเหมือนเดิม แต่ น.ส.เอ๋ ยังคงแอบติดต่อหาภรรยาตนเรื่อยมา จึงเรียกมาเจรจาและขอร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ฝ่ายชายยังให้การอีกว่า น.ส.เอ๋ มักทำทีเล่าปัญหาชีวิตเดือดร้อนเรื่องเงินให้ภรรยาตนฟัง จนภรรยาตนใจอ่อน เพราะยังคงรู้สึกผูกพัน โอนเงินให้เรื่อยมารวมกว่า 5 แสนบาท เมื่อตนรู้เรื่องจึงเรียกมาพูดคุยเพื่อขอให้คืนเงิน แต่ น.ส.เอ๋ อ้างว่าไม่มีเงินคืนให้ ตนจึงยื่นข้อเสนอให้เอารถยนต์มาวางค้ำประกันหนี้ 


หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ร่วมกัน 3 คนผัวเมีย เพราะมองว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ครอบครัวคงต้องแตกร้าวอีกรอบ ซึ่ง น.ส.เอ๋ ตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับตนและภรรยา 3 คนผัวเมีย เพื่อเก็บรถยนต์ไว้ รวมถึงยังขอให้ทำหนังสือสัญญาข้อตกลงขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้มาฟ้องร้องในภายหลัง จึงอยากชี้แจงในส่วนนี้ด้วยว่าไม่มีการบังคับแต่อย่างใด

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า


"ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 3 คนผัวเมีย ยืนยันว่า ให้ความรัก ให้เกียรติเขา (สาวทอม) เหมือนเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง พาไปเที่ยวต่างประเทศ ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียทั่วไป และมีแพลนจะปลูกบ้านให้ รวมถึงวางรากฐานอาชีพหาธุรกิจให้ทำ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข กระทั่งระยะหลัง เขา (สาวทอม) เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร" หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ระบุ

 

จากคำให้การดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ขัดแย้งกับคำให้การของฝั่งผู้เสียหาย โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับหนังสือสัญญาที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า อีกฝั่งเป็นคนจัดทำขึ้น และมีอีกหลายประเด็นที่ต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัด ว่าสุดท้ายแล้วข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร 

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า
พร้อมกันนี้ ทาง พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก็ได้สั่งให้มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าขณะนี้ได้มีการสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย เพื่อสักถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาควบคู่ไปกับพยานหลักฐานต่างๆ ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ทราบพอสมควร เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่กระนั้นยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

หนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แฉเอง สาวทอม เล่าทำครอบครัวแตกร้าวจนเคยหย่า

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline