- 18 พ.ย. 2565
สาวแชร์ประสบการณ์ในวัย 19 ปี ป่วยมะเร็งรังไข่ระยะ 2 หลังมีอาการท้องป่อง มีไข้สูง หมอต้องเจาะน้ำออกได้เป็นลิตร ทำคีโม-รักษาเกือบหาย ยังมาเจอเนื้อร้ายซ้ำ จนกลายเป็นซึมเศร้า แต่ใจสู้จนผ่านมาได้
จากกรณีที่ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก "สู้ดิวะ" ออกมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี และไม่สูบบุหรี่ ซึ่งมีผู้เข้ามาส่งกำลังใจให้กับคุณหมอจำนวนมาก ก่อนที่ต่อมาจะหลายคนที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ เกี่ยวกับโรคมะเร็งเป็นระยะ
ล่าสุดได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @AmethystMagissa หรือ เพจแม่หมอสีม่วง ได้ออกมาทวีตเล่าเรื่องราวของตัวเอง เกี่ยวกับการป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ ในตอนอายุ 19 ปี โดยระหว่างต่อสู้กับโรคร้ายนั้น เธอยังเกิดภาวะโรคซึมเศร้า แต่ด้วยกำลังใจและหัวใจที่แข็งแกร่ง ทำให้เธอผ่านมาได้ จึงนำเรื่องราวมาแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้อื่นที่กำลังท้อแท้หรือประสบกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับเธอ โดยเธอเล่าว่า
จุดเริ่มต้น ช่วงวัย 19 เป็นช่วงที่ทำงานไปเรียนไป ไม่ค่อยได้พักผ่อน และกินแต่ของไม่มีประโยชน์กับร่างกาย แต่ตอนนั้นแปลกนะ กินเยอะเท่าไรก็ไม่อ้วนมีแต่ผอมลงๆ จนไปกินบุฟเฟต์ของดิบ แล้วมีความรู้สึกเหมือนท้องระเบิด พุงป่อง เหมือนคนท้อง ไม่ยอมลด 3 วันติด ซึ่งตัวเองเชื่อว่ามันไม่ปกติ เพราะท้องบวมแข็งน่ากลัวมาก จนแม่กับเพื่อนทักว่าท้องหรือเปล่า และช่วงท้องโตมันมีอาการอึดอัดมากๆ เหมือนมีน้ำอยู่ในท้องตลอดเวลา กินข้าวก็ไม่ได้ กินน้ำก็ไม่ดี ทรมานเหมือนตกนรก ตอนแรกคิดว่าท้องอืดปกติแต่มันไม่ใช่ จนทนไม่ไหวเลยตัดสินใจไปหาหมอ
หมอที่แรก ตรวจแป๊บเดียวแล้วบอกว่าท้องอืดกับเป็นโรคกระเพาะครับกลับบ้านได้ครับผม พร้อมจ่ายยาแก้ท้องอืดมาให้ และดิฉันที่อุ้มท้องอันหนักอึ้ง ซึ่งอุดมไปด้วยอะไรไม่รู้ก็กลับมานอนซมแบบงงๆ ตอนนั้นเริ่มมีอาการไข้ขึ้น ไปทำงานไม่ไหวเลยลามาหาหมอ
หมอที่ 2 ณ คลินิกแห่งหนึ่ง หมอคนนี้ตรวจละเอียดมากๆ มีการเคาะท้อง ฟังท้อง หมอบอกว่ามีน้ำในท้องเยอะมาก มันเยอะแบบอันตราย แล้วแนะนำให้ไปโรงพยาบาลใหญ่ให้เร็วที่สุดเพราะอาการไม่ปกติ เนื่องจากมีไข้อ่อนๆแล้ว ก็เลยบอกแม่ให้พาไปโรงพยาบาลที่คลินิกแนะนำ
หมอที่ 3 ตรวจโรคทั่วไป รพ.แห่งหนึ่ง ก็ขึ้นเตียงปกติ นี่ก็แบกสังขารไป ทรมานก็ทรมาน หวังเหลือเกินให้หมอช่วยเหลือ แต่สุดท้ายหมอก็บอกว่า เป็นโรคกระเพาะ เลยหงุดหงิดๆ กลับบ้าน กระเพาะบ้าบอไรทำไมมันป่องแบบนี้ จนกลางดึกทนกับอาการทรมานไม่ไหว เลยไปเข้าห้องฉุกเฉินในคืนนั้น หมอห้องฉุกเฉินเก่งมาก ไม่ตรวจผ่านๆ แต่พาไปอัลตราซาวด์ดูสิ่งที่อยู่ในท้องแบบละเอียด ปรากฏว่ามันคือน้ำอันมากมายมหาศาลที่มาจากรังไข่ หมอเลยหัตถการให้แบบเบสิกๆไปก่อน โดยการเจาะท้องเอาน้ำออก น้ำ 2 ลิตรอะที่เจาะออกมาอุทานเลย
หมอห้องฉุกเฉินเขาก็เป็นธุระให้ โดยการส่งเคสแม่หมอไปให้นารีเวชโดยตรง พอรุ่งเช้าก็ไปตามนัดเพื่อตรวจอาการ ได้รับการตรวจภายในทางรูทวารหนัก หมอเขาก็คลำๆสแกนแล้วไปเจอต้นตอของโรค เลยทำการนัดผ่าตัดในเดือนมกราคม ซึ่งรู้สึกโล่งอย่างน้อยก็มีทางหาย หมอเขาช่วยเต็มที่ก็อุ่นใจ
แต่เหมือนพระเจ้าลงโทษ เพราะน้ำในท้องมันผุดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ จนต้องเจาะท้อง 4 ครั้งใน 1 เดือน มันไม่ไหว มันเจ็บและเหนื่อยมาก ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำในท้องก็เยอะ ไข้ก็ขึ้น จนถึงจุดไฟนอล วันที่ไข้แตะสูงถึง 38 แม่กับพ่อเห็นท่าไม่ดีเลยขับรถไปส่งห้องฉุกเฉินอีกครั้ง กลางดึกคืนนั้นหมอห้องฉุกเฉินเข้ามารุมเพราะอาการหนัก ไข้ขึ้นจนเกือบแตะ 40 เขาจับขึ้นขาหยั่ง ตรวจจนได้ข้อสรุปว่า "พรุ่งนี้ผ่าด่วน" ส่งขึ้นตึกผู้ป่วยนอนพักอดอาหาร 8 ชม. มีแม่นั่งข้างๆเป็นกำลังใจ
รู้สึกดีมากๆที่อาจารย์หมอมาดูแลเองเลย และทีมของอาจารย์คุณภาพคับแน่น ทำให้การเยียวยาแผลผ่านไปได้ด้วยดี อาเจียนบ้าง กินข้าวไม่ได้บ้าง แต่ก็ปกติของการผ่าตัดนะ ที่ไม่ชินคือโดนต่อสายปัสสาวะ พักรักษาประมาณ 7 วันก็ได้กลับมานอนบ้านรอฟังผลชิ้นเนื้อที่ผ่าออก
ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ก็ได้มาฟังผลการผ่าตัด หมอบอกว่าตัดรังไข่และมดลูกซีกขวาออก เหลือซีกซ้าย ทำให้ยังมีประจำเดือนได้ มีลูกได้ (จริง ๆ ขอให้เอาออกไปเลย แต่อาจารย์เขาห่วงว่าเราจะอยากสร้างครอบครัว เลยเหลือไว้) และผลสุดท้ายคือการรายงานว่าแม่หมอ "เป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่ 2"
ตอนนั้นรู้สึกช็อกหัวหมุน เหมือนทุกอย่างประดาประดังเข้ามา มะเร็งเหรอ? คีโมเหรอ? แล้วเส้นผมฉันล่ะ แล้วชีวิตวัยรุ่นของฉัน... การเรียนการงานกำลังไปได้ดีแต่ต้องมาพังทลายเพราะมะเร็งคำเดียว ยอมรับว่าร้องไห้ไม่ออก มันช็อก มันเบลอไปหมด เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว หมอให้เซ็นยินยอมในการรับยาเคมีบำบัด จริงๆตอนนั้นท้อมาก อยากตาย แต่สุดท้ายก็สลัดความคิดลบๆทิ้งและยืนหยัดสู้กับมัน มะเร็งก็มะเร็งดิวะ เลยยอมรับการรักษาเดินหน้าเต็มอัตรา ไว้ใจหมอ ให้ใจพยาบาล เอาเลยจัดมา
แต่การทำคีโม ทั้งทรมาน แสบร้อน เข้าใจเลยว่าทำไมหลายคนตกม้าตายในขั้นตอนการรักษานี้ และอยากให้กำลังใจคนเป็นมะเร็งเยอะๆ เพราะมันทรมานมาก มีอาการผมร่วงตามมาจนต้องโกนผม แต่ได้ครอบครัว เพื่อน หมอ พยาบาล มาให้กำลังใจจนมีแรงฮึดสู้
จากนั้นได้ทำการรักษามาเรื่อยๆ จนคีโมคอร์สที่ 3 หมอตรวจพบก้อนชิ้นเนื้อปริศนา ต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกรอบ กำลังใจตอนนั้นมันช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างกำลังจะดี แต่กลับมาวนลูปอีกครั้ง ขึ้นเขียงผ่าตัด ฟังผลชิ้นเนื้อ และเพิ่มคอร์สคีโมอีกสองคอร์ส
ในการผ่าตัดรอบที่ 2 มีสภาวะซึมเศร้าหนักมากจนจิตแพทย์ต้องเข้ามาดูแล บวกกับสภาวะดื้อยา ความเครียด ทำให้เริ่มมีอาการประสาทหลอน ดิ้นทุรนทุรายในคีโมคอร์สสุดท้าย แต่ก็ผ่านมาได้จนตอนนี้สามารถเอาชนะมะเร็ง
นอกจากนี้สาววัย 19 ปี คนนี้ ยังระบุอีกว่า การเป็นมะเร็งทำให้เธอได้แต่งตัวใหม่ๆ ลองเปลี่ยนทรงผม และได้รับความใจดีมากมายมกาศาลจากคนรอบข้าง หล่อหลอมให้แข็งแกร่ง ขึ้นอย่างทุกวันนี้ ขอบคุณทุกคน ณ ตอนนั้นนะคะที่ดูแล ถามไถ่ และให้กำลังใจกัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆ
ส่วนเคล็ดลับการกินที่บรรเทาอาการมะเร็ง คือ กิน เกลือหิมาลัยกับกีวี่ และอยากฝากให้ ไปตรวจและหาวิธีป้องกันให้เร็วที่สุด เซลล์มะเร็งทุกคนมีอยู่แล้วเชื่อดิ เพราะโลกใบนี้มันไม่มีอะไรไม่เป็นพิษ มันอยู่ที่ว่ามะเร็งจะถูกกระตุ้นขึ้นมาเมื่อไรเท่านั้น เหมือนกับระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ
พร้อมฝากถึงผู้ป่วยทุกคนที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายว่า อย่ายอมแพ้ถ้ายังมีหวัง ถ้าท้อก็แค่ถอยออกมาตั้งหลัก อย่าฝืนตัวเอง และจงกล้าเผชิญหน้ากับความกลัว ไม่มีโรคร้ายใดทำร้ายคุณได้ ถ้าตราบใดที่หัวใจยังคงเชื่อมั่นในพลังที่มี สู้ต่อไปนะ นักรบผู้แข็งแกร่งทุกคน
ขอบคุณ @AmethystMagissa
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline