- 21 พ.ย. 2565
เอาแล้ว ตำรวจเผยพิรุธ อังคณารัตน์ อดีตเมียพี่มะนิช หลังมาทำข้อตกลง แต่ไม่ยอมให้ตำรวจดูสมุดบัญชี ก่อนอ้างว่าซ่อนเอาไว้...
จากกรณีที่ นายมะนิช หนุ่มใหญ่ร้อยเอ็ด ถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่รู้หนังสือ เมียสลักชื่อด้านหลังสลากฯ ก่อนผัวโอนเงินเข้าบัญชีเมียที่อยู่กินกันมา 26 ปี จำนวน 5,970,000 บาท แต่เมียหนีไปกับชายอื่นต่อมามีข่าวว่าทางนายมะนิช ได้ไปแจ้งความหลังนางอังคณารัตน์ ไม่ยอมกลับมา ก่อนที่ทั้งสองจะตกลงกันใหม่และนัดเจอกันที่โรงพักในอีกวันซึ่งตัวนายมะนิช ได้ทำการตกลงกับนางอังคณารัตน์ พร้อมกับถอนแจ้งความกลับมาคืนดีกัน
ล่าสุดรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ได้อัพเดทว่า ที่นางอังคณารัตน์กลับมานั้น เพื่อจะมาเคลียร์เงินคืนทั้งหมด ที่เหลืออยู่ในบัญชี 3.1 ล้าน และมาทวงสร้อยทอง 2 บาท จากนายมะนิชคืน พร้อมไล่ให้ออกจากบ้านภายใน 3 วัน หากไม่ย้ายออกจะแจ้งความข้อหาบุกรุก โดยได้จับมือลาครั้งสุดท้ายได้บอกว่าขอให้เขามีชีวิตที่ดี เจอคนที่ดีกว่าเรา มันกลับไปคืนดีไม่ได้แล้ว มันเปลี่ยนไปแล้ว ฝั่งนายมะนิชได้บอกเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ก็แยกกันอยู่กลับไปเป็นเพื่อนกัน
นางอังคณารัตน์ อายุ 45 ปี โฟนอินในรายการโหนกระแส ถึงกรณี นายมะนิช อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นสามี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ถูกภรรยาที่อยู่กินกันมา 26 ปี เชิดเงินจากการถูกลอตเตอรีรางวัลที่ 1 งวด 1 พ.ย. 65 จำนวนกว่า 5.9 ล้านบาท หนีไปกับชายคนอื่น โดยโต้กลับว่า สลากเป็นชื่อของตน ตอนไปขึ้นกองสลากดูหรือยังเป็นชื่อใคร ตนกับนายมะนิช ไม่ใช่ผัวเมียกัน ไม่ได้จดทะเบียนกัน เป็นแค่คนรู้จัก นายมะนิช ไม่ได้โอนเข้าบัญชี วันที่ไปขึ้นเงินที่กองสลากเงินโอนเข้าบัญชีตนโดยตรง และตนได้แบ่งให้ไปแล้ว 1 ล้าน ยืนยันไม่ได้มีผัวใหม่ ตามที่เพื่อนชื่อติ๋มพูดน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด
พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด ที่ได้บันทึกปากคำ กล่าวว่า ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี แต่ยังจะไม่มีการถอนแจ้งความจากที่นายมะนิชแจ้งไว้ จนกว่าจะมีการเปิดบัญชี โอนเงินทั้งหมดตามที่ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความในภายหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่อาจจะไม่ทำตามสัญญา
หากทุกอย่างเรียบร้อยก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต คือการที่นางอังคณารัตน์ อ้างว่าเงินยังเหลือ 3.1 ล้านบาท นั้น ปรากฏว่าไม่ได้นำสมุดบัญชีมาแสดงให้เห็นยอดเงินดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าซ่อนไว้ และไม่ได้นำมาด้วย ซึ่งก็น่าสังเกต และน่าติดตามว่า การกล่าวอ้างว่าเหลือเงิน 3.1 ล้านบาท ในบัญชี ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอวันที่ทุกคนเปิดบัญชีใหม่แล้วดูว่ามีเงินที่จะโอนให้ตามสัญญาหรือไม่ต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline