- 21 พ.ย. 2565
เจ้าของที่ดิน งงตาแตก จู่ๆ มีคนเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินตัวเอง ล่าสุดคู่กรณีออกมาชี้แจงแล้ว กลายเป็นหนังคนละม้วน
เรื่องราวของ นายไพรัตน์ อายุ 45 ปี ชาวท่ามะขาม จ.กาญจนบุรี เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด กรณีมีการสร้างบ้านจัดสรรบนที่ดินของตนเองเต็มทั้งพื้นที่ โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องมาก่อน และไม่เคยจ้างผู้รับเหมาให้มาก่อสร้างบ้านบนพื้นที่ดังกล่าว
นายไพรัตน์ เล่าว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเองจริง มีเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้อง จำนวน 110.5 ตารางวา โดยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 ได้รับหนังสือให้มานำชี้วัดแนวเขตที่ดินข้างเคียง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมตรวจแนวเขตชี้วัด แต่ปรากฏว่า เมื่อมาถึงกลับพบว่ามีผู้มาปลูกสร้างบ้านจำนวน 2 หลังในที่ดินของตนเอง ซึ่งก็คือผู้ที่เป็นคนร้องขอวัดที่ดินในวันดังกล่าว เมื่อได้พูดคุยจึงทราบว่าเป็นการปลูกบ้านในที่ดินผิดแปลง จากนั้นเจ้าหน้าที่เทศบาลก็ได้มาชี้แจงว่า
จะออกหนังสือคำสั่งระงับการก่อสร้าง เนื่องจากบ้านทั้งสองหลังปลูกสร้างโดยไม่ได้ขออนุญาต แต่หนังสือดังกล่าวกลับออกมาแจ้งต่อตนเองที่ไม่ได้เป็นคนสร้างบ้าน แต่เป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกบุกรุก แถมในหนังสือยังระบุว่า จะดำเนินการปรับเงิน ฐานก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใด ทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้สร้างบ้านทั้งสองหลัง แถมยังเป็นผู้ที่ถูกบุกรุกที่ดิน แต่กลับจะต้องมาเสียค่าปรับเช่นนี้ด้วย
โดยหลังเกิดเรื่องได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้าพร้อมกับนำเอกสารยืนยันการถือครองที่ดินไปแจ้งความข้อหาบุกรุกกับผู้ที่มาสร้างบ้านในที่ดินตนเอง นอกจากนี้ได้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ซึ่งก็ได้มีการนัดไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดแต่เป็นผู้เสียหายที่ถูกบุกรุกที่ดิน
ด้าน นางเกญชญา อายุ 50 ปี คู่กรณี ยอมรับว่า สร้างบ้านขึ้นจริงแต่ไม่ได้เจตนา เนื่องจากตนเองซื้อที่ดินมาจากคนรู้จัก ซึ่งคนขายก็ชี้ที่ดินบริเวณนี้โดยที่ไม่รู้จริงๆว่าที่ดินมีขนาดเท่ากันและอยู่ติดกัน จนกระทั่งไปจ้างเจ้าหน้าที่วัดที่ดินของเอกชน มาทำการวัด จึงได้ทราบว่าตนเองสร้างบ้านในที่ดินของคนอื่น หลังทราบก็ได้หยุดการก่อสร้างทันที รวมถึงได้ติดต่อไปยัง นายไพรัตน์ เจ้าของที่ดินตัวจริง เพื่อเจรจาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยตนเองยินยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว
โดยราคาประเมินอยู่ที่ประมาณ 3 แสนถึง 4 แสนบาท แต่หลังจากโทรศัพท์พูดคุยรวมถึงนัดเจรจาหลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากเจ้าของที่ดินเรียกร้องเงินค่าขายที่เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่าราคาประเมินหลายเท่า ซึ่งตนเองก็พยายามเจรจาต่อรอง และพร้อมที่จะจ่ายให้ในราคา 1,200,000 บาท แต่เจ้าของที่ดินก็ยังไม่ยินยอม ทำให้การเจรจาไม่มีความคืบหน้า ซึ่งยืนยันว่ายินดีที่จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวให้ถูกต้องเพื่อจะได้จบปัญหา แต่เนื่องจากราคาที่เจ้าของเรียกมาสูงเกินที่จะสามารถหามาจ่ายได้ จึงอยากขอความเมตตาช่วยลดราคาลงมาเพื่อจบปัญหาดังกล่าวด้วยดี
ขอบคุณข้อมูล ข่าวช่องวัน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline