- 08 ธ.ค. 2565
เปิดประวัติ "เอิร์ก เลเดอเรอร์" หนุ่มไฮโซใช้ชีวิตสุดหรูหราคนนี้คือใคร หลังเหยื่อนับร้อย ร้องเรียนโดนโกง 500 ล้าน
จากกรณีดาราสาวชาวลาว ลิลลี่ วันมะนี ได้ร้องเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูก ไฮโซ อ. คนดังโกงเงิน 34 ล้าน โดยยืมไปแล้วไม่คืนก่อนเข้าแจ้งความ ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยว่าคู่กรณีคือ เอิร์ก เลเดอเรอร์ อดีตนักแสดงหนุ่มและนักธุรกิจหนุ่มคนดัง ก่อนที่ต่อมาได้มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับทางกระทรวงยุติธรรมอีกนับ 100 คน ถูกชายหนุ่มฉ้อโกงมีมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท และได้เดินทางออกไปประเทศเยอรมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ หากเข้าไปส่องในอินสตาแกรมของ เอิร์ก เลเดอเรอร์ พบว่าในช่วงก่อนหน้านี้เจ้าตัวมักจะโพสต์ภาพไลฟ์สไตล์หรูหราของตัวเอง ใส่แบรนด์เนมทั้งตัว สวมนาฬิกาหรูราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูขับ เรียกว่าชีวิตหรูหรามาก แต่อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะสงสัยว่า เอิร์ก เลเดอเรอร์ คือใคร วันนี้เราจะไปทำความรู้จัก
สำหรับ เอิร์ก เลเดอร์เรอร์ เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการออดิชั่นเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำ เมื่อปี 2553 แต่เอิร์กไม่ประสบความสำเร็จในด้านเส้นทางเพลง ต่อมาในปี 2558 เอิร์ก ก็กลับมาอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ เอิร์ก เลเดอเรอร์ เป็นศิลปินในสังกัดค่ายเพลงของตัวเอง คือ Ledere Entertainment ที่ร่วมทำกับนางแบบสาว เก๋ กันยกร หรือ เก๋ เลเดอเรอร์
ต่อมา เอิร์ก ผันตัวเองมาทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งเปิดคลินิกเสริมความงาม ทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เป็นนายหน้าขายรถยนต์ นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์
และในช่วงเดือนกันยายน 2561 เอิร์ก เลเดอเรอร์ ได้มีชื่อเข้ามาพัวพันเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตของนางแบบสาว เก๋ กันยกร หรือ เก๋ เลเดอเรอร์ ที่ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการกระโดดตึก จนหลายคนพุ่งเป้าไปที่น้องชายคนสนิทอย่าง เอิร์ก เลเดอเรอร์ ที่ร่วมกันก่อตั้งธุรกิจคลีนิก และ ค่ายเพลง Lederer Entertainment อาจเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ภายใต้คดีดราม่ามาตลอด
จนกระทั่งล่าสุด ลิลลี่ วันมะนี ดาราสาวชาวลาว ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือว่าถูก เอิร์ก เลเดอเรอร์ โกงเงินไปกว่า 34 ล้าน และมีเหยื่ออีกนับ 100 คน แจ้งความว่าถูก เอิร์ก โกงเงินไปกว่า 500 ล้าน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในอินสตาแกรมของ เอิร์ก เลเดอเรอร์ ได้มีการโพสต์ทำนองว่า ถูกขู่ทำร้ายว่า โดยระบุว่า "สำหรับคนรอบตัวเอิร์ก และคนที่ติดตามเอิร์กทุกคน ถ้าเอิร์กเป็นอะไรไปอยากให้ทุกคน รับทราบไว้ว่าตอนนี้เอิร์กโดนขู่เก็บ,ฆ่า มีคนโทรมาขู่สามครั้งแล้วในช่วงนี้ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร อาจจะเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือ อาจจะหมั่นไส้ อันนี้ไม่ทราบเลยจริงๆ ขอบคุณทุกคนรอบตัวที่เป็นห่วงครับ"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline