- 09 ธ.ค. 2565
โลกออนไลน์ถกสนั่น ผิดหรือไม่??หรือกระทำเกินกว่าเหตุ เจ้าของร้านทองยิงโจรที่วิ่งหนี "ทนายเกิดผล"เจอหลักฐานแล้ว ให้ข้อมูลเรื่องกฎหมาย
กรณีคนร้าย4คน บุกปล้นร้านทองเยาวราช รร.ตากพิทยาคม อ.เมือง จ.ตาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เวลา 12.55 น. โดยคนร้ายทั้ง4คนบุกใช้อาวุธปืนยิงกระจกหน้าร้านและตู้กระจกทองอย่างอุกอาจ ก่อนถูกเจ้าของร้านทองดีกรีนักแม่นปืนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงต่อสู้ ทำให้มีคนร้ายเสียชีวิต1ราย เเละบาดเจ็บ1ราย ถูกจับกุมตัวแล้ว ส่วนอีก2รายได้วิ่งหลบหนี ยังคงลอยนวล
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ได้เร่งติดตามคนร้ายที่เหลืออีก2รายเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย คาดว่า 2คนร้ายแก๊งปล้นร้านทองจ.ตากหลบหนี ลัดเลาะทะลุชายแดนอำเภอพบพระ คาดใช้เวลาไม่นานจะได้ตัวมาดำเนินคดี
ล่าสุดทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีดังกล่าว หลังจากที่มีกระเเสในโซเชี่ยลตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของร้านทองกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่??เพราะในคลิปจะเห็นได้ว่า มีจังหวะที่คนร้ายปล้นทองวิ่งหนีออกจากร้านไปเเล้ว เเต่เจ้าของร้านทอง ยังคงยิงปืนจากในร้านออกไปอีกหลายนัด หวั่นเจ้าของร้านทองจะทำผิดกฏหมาย
โดยทนายเกิดผล เจอหลักฐานอีกมุม เจ้าของร้านทอง ยิงโจรที่วิ่งหนี ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่?? พร้อมชี้แจงว่า ถ้ามีภาพชัดขนาดนี้ ว่า คนร้ายบางคนใช้อาวุธยิงต่อสู้เจ้าของร้านทอง ก็ถือว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายยังมีอยู่ เจ้าของร้านยิงป้องกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย
- ไม่เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุครับ"คนร้ายตายฟรี"ครับ
ปล้นร้านทอง
ตามกฎหมาย เมื่อมีการยิงคนตาย ตำรวจจะต้องตั้งข้อหา ต่อเจ้าของร้านทอง
ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
และเชื่อว่า พนักงานสอบสวน จะมีเห็นความเห็นทางคดี เสนอ สั่งไม่ฟ้อง เพราะเป็นการ ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามกระบวนการต่อไป
ปล้นร้านทอง
คนร้ายหนีไปแล้ว ถือว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายสิ้นไปแล้ว
เจ้าของร้านทอง ยิงคนร้ายตาย
ตามกฎหมาย จะต้องรับผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด ⁉
การยิงคนร้ายที่กำลังหนี โดยคนร้ายไม่ได้ต่อสู้ อ้างป้องกันไม่ได้ เพราะเหตุ ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ระงับสิ้นไปแล้ว
แม้แต่อ้างป้องกันเกินกว่าเหตุ ก็ไม่อาจอ้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533
..เมื่อพิเคราะห์ลักษณะบาดแผลที่ โจทก์ร่วมถูกยิงด้านหลัง แสดงว่าโจทก์ร่วมถูกยิงขณะกำลังวิ่งหนีออกจากบริเวณบ้านของนายมะพลับ การที่โจทก์ร่วมเข้าไปในบริเวณบ้านของนายมะพลับในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควรอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยมาพบโจทก์ร่วมก็ได้วิ่งหนีออกมา เหตุละเมิดดังกล่าวจึงหมดไปแล้ว
เพราะภยันตรายดังกล่าวพ้นไปแล้ว จำเลยน่าจะใช้วิธีอื่นเพื่อจับกุมตัวโจทก์ร่วมมาดำเนินคดีเท่านั้น การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลังขณะที่โจทก์ร่วมกำลังวิ่งหนี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นว่าหากกระสุนปืนไปถูกโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เพราะเป็นอาวุธที่ร้ายแรง
เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญและแพทย์ทำการรักษาโจทก์ร่วมได้ทัน โจทก์ร่วมจึงไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และศาลอุทธรณ์ได้ใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามนั้นเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่thainews