พี่ชาย พี่สาว น.ต.พลรัตน์ โพสต์เศร้า พร้อมวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย

จากกรณี เรือหลวงสุโขทัย ประสบอุบัติเหตุคลื่นลมแรง จนมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก และได้จมลงใต้ทะเลแล้วในช่วงดึกของวันที่ 18 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังคงมีลูกเรือสูญหายจำนวน 30 คน โดย 1 ใน 30 มีลูกชายของ   "บิ๊กหนุ่ย " พลเรือเอก พลวัฒน์ สิโรดมภ์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งเป็นต้นเรือรวมอยู่ด้วย

ทร.ยังคงสนธิกำลังทุกภาคส่วนเร่งค้นหา 30 กำลังพลที่ยังคงสูญหายจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่มตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ล่าสุดพบ พ.จ.อ.นที ทิมดี ที่ค้นหาเจอเมื่อช่วงเช้า ซึ่งนอนหมดสติลอยคออยู่กลางทะเล

 

สำหรับ นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม ตำแหน่ง ต้นเรือ ร.ล.สุโขทัย มีชื่อเล่นว่า  "พลับ " เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 50 (ตท.50) ถือเป็นคนดี คนเก่งของรุ่น และเป็นนักกีฬา

ด้านพี่สาวและพี่ชายของ น.ต.พลรัตน์ สิโรดมภ์ หรือ "ต้นเรือพลับ" ต้นเรือของ"เรือหลวงสุโขทัย" ได้โพสต์ข้อความแสดงความห่วงใย โดยโลกออนไลน์ ได้แชร์โพสต์ทั้ง 2 คนออกไปจำนวนมาก

 

 

โดย พี่สาว ของ น.ต.พลรัตน์ หรือ "ต้นเรือพลับ" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Suwanlaya Sirodom" ระบุว่า.. "30 ชั่วโมงแล้วนะ ได้โปรดรีบกลับมาเถอะ ทุกคนรออยู่นะ " และอีกข้อความ โพสต์เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า..  "ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระแม่กวนอิม เสด็จเตี่ย กรมหลงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ โปรดคุ้มครองให้น้องพี่ปลอดภัย รักพลับนะ รีบกลับมานะ พ่อแม่ พี่ กุ๊กกิ๊ก ใจจะขาดอยู่แล้ว "

 

ก่อนหน้านี้ พี่ชายของ น.ต.พลรัตน์ ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก "Peter Sirodom" ระบุว่า.. " ไอ้หมาน้องรัก เกือบ 19 ชม.แล้วที่เอ็งลอยคออยู่ในทะเล ไม่ว่าตอนนี้เอ็งจะอยู่ไหน พี่ขอให้เอ็งเข้มแข็ง อดทน อย่าเพิ่งยอมแพ้ หลายๆฝ่ายกำลังหาทางช่วยกันอยู่ พี่รู้ว่า 19 ชม.ในน้ำเย็น มันเหนื่อยมันล้า มันท้อแค่ไหน พี่ขอให้เอ็งอดทนอีกหน่อย ความช่วยเหลือกำลังไป พี่รอเวลาที่เอ็งจะกลับบ้านมาหาพ่อแม่ พี่แพร์ กุ๊กกิ๊กนะ พี่อยู่ทางนี้คงได้แต่สวดมนต์ภาวนาและส่งกำลังใจไปช่วย พี่รักและภูมิใจในตัวเอ็งมากนะพลับ #เรือหลวงสุโขทัย "

 

 

หลังจากที่โพสต์ของสองพี่น้อง ถูกเผยแพร่ออกไป มีเพื่อน ญาติ และคนในโลกออนไลน์ เข้ามาแสดงความเห็นและส่งกำลังใจกันเป็นจำนวนมาก โดยต่างช่วยภาวนา ขอให้ "ต้นเรือพลับ" น.ต.พลรัตน์ และทหารเรือที่สูญหาย กลับมาอย่างปลอดภัย

 

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline