- 28 ธ.ค. 2565
ชูวิทย์ ซัด ผบช.น. มัวแต่ทำอะไรอยู่ ผ่านไป 2 เดือน ของกลาง-หลักฐานทุนจีนสีเทา ยังอยู่ที่เดิม ลั่นย้ายออกไปจากกรุงเทพฯซะทีเถอะ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ยังคงเกาะติดเเละขุดคุ้ยขบวนการกลุ่มทุนจีนสีเทาและคดี ตู้ห่าว อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์คลิปลงพื้นที่ไปยังผับจินหลิง หลังจากที่ทางเลขา ป.ป.ส. อัยการ และตำรวจทีม “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปตรวจทรัพย์สินที่ถูกอายัดในที่เกิดเหตุ มีรถยนต์หรูของกลางจำนวน 11 คัน จาก 35 คัน ที่พบว่าไม่ได้ตรวจมาก่อนจากทีม บชน. ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว ทำไม ผบช.น. ไม่ได้ตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง?
โดยนายชูวิทย์ พบว่า รถตู้อัลพาร์ด ของนายหยาง เฉิน หลานนายตู้ห่าว ที่ปล่อยหนีไปในวันเกิดเหตุ 26 ตุลาคม 65 ยังไม่เคยถูกค้น ของในรถยังอยู่ครบสภาพเดิม
ผบช.น. มัวทำอะไรอยู่? คดี “ตู้ห่าว” ยิ่งคุ้ย ยิ่งเน่า
ชิบหายแน่แล้ว!
ผบช.น. มัวทำอะไรอยู่?
ผ่านไป 2 เดือน พอดิบพอดี ของกลาง หลักฐานเสพยา ยังอยู่ที่เดิม
รถอีก 11 คัน ก็ยังไม่ได้ค้น
ช่วยย้ายออกไปหน่อย ไม่ใช่ย้ายของกลางนะ
แต่ย้าย ผบช.น. ออกไปจากกรุงเทพฯ ทีเถอะ!
หลังจากประชาชนอย่างผม ทวงถามท่านนายกฯ ถึงความเอาใจใส่ต่อปัญหาบ้านเมืองเรื่อง “จีนเทา” อย่างนายตู้ห่าว
ท่านก็สั่ง ครม. ให้ติดตามความคืบหน้า และรายงานทุก 15 วัน หลังจากหน่วยงานรัฐอินุงตุงนังกับผมอยู่ 2 เดือน จนผมไม่ได้กินไม่ได้นอน เรียกร้องให้ท่านพูดสักประโยคก็ยังดี
ท่านจึงได้ตอบสนองให้มาประโยคหนึ่งจริงๆ ขอบคุณท่านที่สั่งลงมาขอให้ท่านช่วยย้าย ผบช.น. ด้วยครับ จะดีมาก ช่วยอีกสักประโยคเถอะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ ยังมี ข้อเสนอให้ ผบ.ตร. พิจารณาอย่างเร่งด่วน ...กราบเรียน พณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำเนาถึง ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
เนื่องด้วย ข้าพเจ้าพบเห็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดพลาดของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในการดำเนินคดี “จินหลิง” หลายประการ ตามที่ท่านได้รับทราบทั้งจากการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา และสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไป
โดยล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด คณะอัยการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจินหลิง เพื่อทำการตรวจความถูกต้องของทรัพย์สินที่จะต้องอายัดไว้ตรวจสอบ
ทำให้มีการพบว่ารถยนต์ของกลางในสถานที่เกิดเหตุ จำนวน 11 คัน ยังมิได้ถูกตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และยังมีหลักฐานวัตถุที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอุปกรณ์การพนันอีกเป็นจำนวนมากถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ดังนี้
1. เขียงไม้ สำหรับใช้ในการเสพยาเสพติด
2. หลอดดูดที่ใช้แล้ว สำหรับใช้เสพยาเสพติด
3. ไม้ปั่นจมูก ใช้ในการเสพยาเสพติด
4. ชิพใช้แทนเงินสด และอุปกรณ์การพนัน
ทั้งที่วันเกิดเหตุคือ วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ชุดจับกุมนำโดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บุกเข้าจับกุมตรวจค้นพบนักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังมั่วสุมเสพยาเสพติดจำนวนมากถึง 265 คน และตรวจพบยาเสพติดของกลางเป็นจำนวนมาก มีการติดตามขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งจำนวนทรัพย์สินที่ตรวจอายัดของบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าของสถานที่จินหลิง คือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือนายตู้ห่าว ก็มีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท
แต่จนถึงเมื่อวานนี้ วันที่ 27 ธันวาคม 2565 นับเป็นเวลา 2 เดือนเต็มที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ปล่อยปละละเลย สัพเพร่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเก็บตรวจพิสูจน์หลักฐาน และเอกสารในพื้นที่เกิดเหตุ
รวมทั้งข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดี มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ หากยังคงปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลต่อไป จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร
ข้าพเจ้า ภาคประชาชน องค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วน จึงขอเสนอให้ท่าน สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการโยกย้าย พล.ต.ท.ธิติฯ ออกจากการกำกับดูแลพื้นที่นครบาลโดยเร็ว แม้ข้าพเจ้าจะทราบดีว่าจะต้องรอให้ถึงเดือนเมษายน 2566 ตามวาระการโยกย้ายที่จะมาถึงจึงจะทำได้ตามกฎ ก.ตร.
แต่หากยังคงให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปแม้แต่เพียงวันเดียว จะก่อให้เกิดความเสียหายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อีกทั้งการไม่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในคดีตู้ห่าวซึ่งเป็นคดีใหญ่ จากการมิได้เอาใจใส่ในการทำงานให้มีมาตรฐานเยี่ยงเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทั่วไป มีการทิ้งของกลางไว้ในที่เกิดเหตุเป็นระยะเวลาถึง 2 เดือนโดยไม่ตรวจสอบและจัดเก็บอย่างถูกต้อง ทำให้มีความเสียหายต่อรูปคดี กลับเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ต้องหา
การดำเนินการเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการเยียวยาประชาชนที่เสียหายจากพฤติการณ์ของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คือ การกำชับสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งให้ไปช่วยราชการแทน ซึ่งอยู่ในอำนาจที่จะทำได้โดยเร็วก่อนสิ้นปี 31 ธันวาคมนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่คนกรุงเทพฯ ที่มีผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่ไร้ความสามารถ
ทั้งนี้หากท่านไม่กระทำ ย่อมแสดงถึงการไม่เอาใจใส่ต่อการดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนคนกรุงเทพฯ
ข้าพเจ้าจึงขอกราบเรียนท่านให้พิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนโดยรวม อันจะเป็นการแสดงถึงความเอาใจใส่ของผู้นำองค์กรสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews