หมอหมู เผยชัดตรวจแอลกอฮอล์ต้องไม่เกินกี่ ชม. พยานยืนยันกว่าจะตรวจเกือบตี 5

   กรณี นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ เจ้าของรถหรูเบนท์ลีย์ ซิ่งเกิดอุบัติเหตุชนท้ายชนรถยนต์ปาเจโร่ ป้ายเเดง เเละรถดับเพลิง อปพร. เสียหาย3คัน  มีผู้บาดเจ็บรวม6ราย  เหตุเกิดบนทางด่วนเฉลิมมหานครจากถนนสุขสวัสดิ์มุ่งหน้าดินแดง อัปเดตล่าสุดผลตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เสี่ยเบนท์ลีย์ ออกแล้ว  ด้าน "หมอหมู" เผยเคสเสี่ยเบนท์ลีย์  ตรวจเมาจากเลือดต้องรีบทำภายในกี่ชั่วโมง หากเกินเวลาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดต่ำลง

   คืบหน้า ผลการตรวจเลือด"เสี่ยเบนท์ลีย์"เผยปริมาณแอลกอฮอล์ ออกมาแล้ว ซึ่งทางเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง3 เผยว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 10ม.ค.66  ผลการตรวจเลือดจากโรงพยาบาลตำรวจ ผลตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเสี่ยเบนท์ลี ผลอยู่ที่ประมาณ 10 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่ง เมื่อมีการใช้ทฤษฎีคูณย้อนกลับไปหาช่วงเวลาเกิดเหตุก็ยังพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่เบนท์ลีย์ จะอยู่ที่ไม่เกิน 45 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ซึ่งถือว่าไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่50มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ทำให้ทางตำรวจไม่ได้มีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการขับขี่ขณะมึนเมาสุราเพิ่มเติมแก่คนขับเบนท์ลีย์ซิ่งชนสนั่นบนทางด่วนเฉลิมมหานคร  ส่วนเรื่องการตรวจสอบความเร็วขนาดนี้ยังอยู่ที่การตรวจสอบของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจซึ่งคาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ ขณะที่ในส่วนของการตรวจสอบสารเสพติดขณะนี้ผลการตรวจยังไม่แล้วเสร็จ 

อย่างไรก็ตามความชัดเจนในคดีรวมทั้งรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงข่าวชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้งในวันที่11ม.ค.66

  ด้าน "หมอหมู"รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โพสต์ข้อความผ่านเพจ"หมอหมู วีระศักดิ์" เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการตรวจวัดแอลกอฮอล์ไว้ว่า 

แอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายให้ตรวจได้นานเท่าไร?
        1) เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตรา 20 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL) ต่อชั่วโมง 
        2) ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือด แต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่มีผลต่อความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือด ได้แก่ อายุ น้ำหนัก การได้รับการรักษาบางอย่าง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง หรือแม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ๆ ก็มีผลเช่นกัน
        3) 20% ของแอลกอฮอล์ที่ได้รับเข้าไปในช่วงแรกจะไหลเข้าสู่หลอดเลือด และถูกพาไปยังสมอง ส่วนอีก 80% ที่เหลือจะถูกส่งไปที่ลำไส้เล็กและเข้าสู่กระแสเลือดต่อไป หลังจากนั้นแอลกอฮอล์จะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยตับ

        4) การตรวจปัสสาวะสามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ได้ตั้งแต่ 12-48 ชั่วโมงหลังการดื่ม หรือในการตรวจสอบที่มีความแม่นยำสูงอื่น ๆ สามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ในปัสสาวะหลังการดื่มได้ถึง 80 ชั่วโมง

        5) การวัดแอลกอฮอลล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ สามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ที่อยู่ในเลือดหลังจากการดื่มได้นานถึง 24 ชั่วโมง 

        6) แอลกอฮอล์ยังสามารถสะสมอยู่ในผมได้มากกว่า 90 วัน ในบางครั้งสามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ได้จากน้ำลาย เหงื่อและเลือดอีกด้วย

        7) สำหรับการตรวจในเลือด: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะนำให้ตรวจภายใน 4 ชั่วโมง (หากเกิน 6 ชั่วโมงปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดลงต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด 50 mg%) 
อ้างอิงข้อมูลจาก:
1) Healthline. How Long Does Alcohol Stay in Your Body?
2) American Addiction Centers. How Long Does Alcohol Stay in Your System?
3) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

อีกประเด็นคือข้อสงสัยการที่ตำรวจส่งตรวจเลือดทันทีหลังเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง แต่พยานยืนยัน กว่าจะตรวจเกือบตี 5
คำถามจากประชาชน:
        1) ผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะนำมาใช้ในทางคดีได้หรือไม่? 
        2) ค่าที่ตรวจได้จะสะท้อนระดับแอลกอฮอล์ในเลือดในขณะเกิดเหตุได้อย่างไร? 
คำตอบโดยวิทยาศาสตร์: ค่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือด สามารถนำมาคำนวณย้อนกลับเพื่อหาค่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดในขณะเกิดเหตุได้ครับ โดยใช้สูตรคำนวณข้างล่างนี้ครับ
ค่าประมาณการระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ณ เวลาที่เกิดเหตุ เท่ากับ 

((0.0165 x ช่วงเวลาที่ผ่านไปตั้งแต่เกิดเหตุถึงเวลาที่ตรวจหาแอลกอฮอล์ (ชั่วโมง)) + ระดับแอลกอฮอล์ที่วัดได้ (กรัมเปอร์เซ็นต์)) x 1,000
ตัวอย่างเช่น

เกิดอุบัติเหตุตอนเที่ยงคืน มาตรวจตอนตี 5 หากผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด = 40 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 

คำถาม คือ ตอนเกิดเหตุ มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่าไหร่?
วิธีคำนวณ
1) แปลง 40 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็น 0.04 กรัมเปอร์เซ็นต์
2) เข้าสูตร ((0.0165 x 5) + 0.04) x 1,000
3) ผลที่ได้ คือ 122.5 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์

สรุปในรายนี้ ขณะเกิดอุบัติเหตุ มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด = 122.5 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์
หมายเหตุ: การตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะนำให้ตรวจภายใน 4 ชั่วโมง (หากเกิน 6 ชั่วโมงปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดลงต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด 50 mg%)

อ้างอิงข้อมูลจาก
1) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
2) สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค

cr. รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews