จ่อเรียกตำรวจ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เอื้อทุนจีนเทาเข้าประเทศ

"บิ๊กโจ๊ก" เตรียมเรียกตำรวจ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เพื่อนร่วมรุ่น นรต. รับทราบข้อหา “ละเว้นปฏิบัติ-เรียกรับผลประโยชน์” เอื้อทุนจีนเทาเข้าประเทศ

16 ม.ค.66 ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ  พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม แถลง ความคืบหน้า คดีเจ้าหน้าที่ DSI ร่วมกับตำรวจ191และทหาร  เข้าตรวจค้นสถานกงสุลนาอูรูย่านสาทร เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมจับกุมชาวจีน 2 คน ก่อนเรียกรับผลประโยชน์จาก จากผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเงินถึง 4,000,000 บาท แล้วมีการยักยอกของปลาในที่เกิดเหตุมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท 
 


โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวน มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เชื่อได้ว่าบุคคลที่เข้าตรวจค้น สถานที่ดังกล่าวรวม 16 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ DSI 5 นาย ตำรวจ 9 นาย ทหาร 1 นาย และ ล่ามชาวจีนอีก 1 คน กระทำผิดจริงตามที่ถูกร้องเรียน 

 

ล่าสุดพนักงานสอบสวนทุ่งมหาเมฆได้สรุปสำนวนพร้อมนำพยานหลักฐานบางส่วนขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 16 คนแล้ว โดยผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 15 นาย ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่ ล่ามภาษาจีน ซึ่งถูกจับได้ในระหว่างหลบหนีข้ามด่านไปประเทศมาเลเซีย ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่ามีการนัด ให้เพื่อนของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นชาวจีน นำเงินจำนวน 4 ล้านบาท มามอบให้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งจำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน จ่อเรียกตำรวจ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เอื้อทุนจีนเทาเข้าประเทศ
  เบื้องต้นจากการสอบสวนพบนายตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. 80 นาย มีส่วนเกี่ยวข้อง ในจำนวนนี้มี 3 นายเป็นตำรวจระดับ นายพล ซึ่งจะถูกเชิญมารับทราบข้อกล่าวหา “ตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติโดยมิชอบ และมาตรา 149 เรียกรับผลประโยชน์”


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังระบุอีกว่า คดีนี้หากผลการสอบสวนไปถึงใครก็จะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น และเตรียมสรุปรายงานส่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการพิจารณาตำรวจทั้ง 9 นายหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ 

 

อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ ผู้ต้องหาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นเจ้าหน้าที่ DSI กับตำรวจรวม14 นาย  ถูกดำเนินคดีในข้อหา157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกหรือรับผลประโยชน์ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และมัดมาตรา 187 ทำลายวัตถุและของกลาง กลุ่มที่ 2 เป็นทหารและล่ามภาษาจีนถูกดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์ /สนับสนุนให้เจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ/และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง 

จ่อเรียกตำรวจ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เอื้อทุนจีนเทาเข้าประเทศ

ยืนยันว่า บุคคลที่ทำผิดมีมากถึง 80 คน แต่ ตม.มีบุคคลากรถึง 20,000 นาย จำเป็นจะต้องเอาคนไม่ดีออกจากหน่วยงาน พร้อมประสาน ป.ป.ช. ตรวจสอบเส้นทางการเงินกับทรัพย์สิน ต่อไป

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวไม่ใช่สถานกงสุลนาอูรูอย่างที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แต่เป็นบ้านพักที่อดีตกงสุลนาอูลูเช่าพักอาศัยเอาไว้ แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่อาศัยแล้ว ซึ่งต้องสืบสวนต่อไปว่ากลุ่มคนจีนเข้าพักอาศัยที่นี่ได้อย่างไร อดีตกงสุลมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่า คนจีนที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักดังกล่าวทั้ง 2 คน มีหมายแดงจากทางการจีนและเดินทางเข้าประเทศไทยได้อย่างไร

 

ด้าน รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเจ้าหน้าที่ DSI ทั้ง 5 นายกระทำผิดหรือไม่ซึ่งทำควบคู่ไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกจากนี้ได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการด้านวินัยร้ายแรง กับเจ้าหน้าที่ DSI ทั้ง 5 นายแล้ว ส่วนจะถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอธิบดีDSI ซึ่งตนในฐานะรองปลัดกระทรวงยุติธรรมยืนยันจะไม่มีการให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดสร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรอย่างแน่นอน

จ่อเรียกตำรวจ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เอื้อทุนจีนเทาเข้าประเทศ


  นอกจากนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้แถลงความคืบหน้าคดีนี้ต่อสื่อมวลชนและประชาชนทั้งประเทศสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อให้เห็นว่ากระทรวงยุติธรรมต่างกับคดีนี้

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews