- 19 ม.ค. 2566
ดีเจดังร้านโอมากาเสะ โผล่เข้าให้ข้อมูล DSI โยงธรุกิจสีเทาโอนเงินเข้าบัญชี นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท กองสลากพลัส" ....
นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลกับสื่อมวลด้วยวาจาโดยเปิดว่า DSI ได้มีการนัดหมายสอบปากคำผู้ที่ถูกออกหมายเรียก 7 คน ในเส้นทางการเงินของกลุ่มธุรกิจผิดกฏหมายร่วมกับนายนอทกองสลากพลัส จากพยานหลักฐานพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท กองสลากพลัส"
โดยสัปดาห์ก่อนหน้าทาง DSI ได้มีการนัดหมายทั้ง 7 คน มาพบ DSI แต่ปรากกฏว่าไม่มาตามนัด ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากทั้ง 7 คนขอเลื่อนไปเตรียมพยานหลักฐานเพื่อประกอบการให้ปากคำ ในเบื้องต้นจากการสืบค้นข้อมูลทราบว่าทั้ง 7 คนมีการเชื่อมโยงกับบัญชีม้า กว่า 100 บัญชี โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท ปละทั้ง 7 คนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมกับผู้ต้องหาที่ทาง DSI ได้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ซึ่งบางรายเป็นหัวหน้ากระบวนการ
ซึ่งหลังจากที่ได้มีการจับมา DSI ได้มีการขยายผลจากการติดต่อสื่อสาร จึงเป็นที่มาในการเรียกเข้ามาชี้แจงในครั้งนี้ เบื้องต้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้มีการทำธุรกิจใดๆ และหนึ่งในนั้นเชื่อมโยงไปถึงการโอนเงินและซื้อแคชเชียร์เช็คให้กับนายพันธ์ธวัช ขณะที่จำนวนเงิน 53 ล้านบาท ที่ปรากฏคือนาย อ.ที่เรียกมาในวันนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามบัญชีม้าที่จับได้เป็นบัญชี 288/65 ได้ที่มีการขยายผลว่าใครเป็นหัวหหน้าขบวนการ โดยหัวหน้าขบวนการได้มีการซื้อแคชเชียร์เช็คจำนวน 2 ฉบับจากนายพันธ์ธวัช จนสามาถขยายผลและทราบว่านายพันธ์ธวัชรับโอนเงินจากหลายกลุ่มเลยเป็นที่มาในการตรวจสอบว่าเส้นทางการเงิน 39 เส้นมาจากแหล่งใด
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้มีการแยกระหว่างคดี 288/65 และคดี 6/66 เพื่อให้ง่ายต่อการสืบหา เพราะถ้าหากนำคดีมารวมกันจะทำให้ขั้นตอนในการดำเนินงานล่าช้าส่วนเส้นทางการเงิน 39 เส้นทางนั้น มีวงเงิน 1,090 ล้านบาท ซึ่งเส้นทางการเงินทั้ง 39 เส้นไม่มีการเชื่อมโยงระหว่าคดี 288/65 นายพงษธร กล่าวต่อว่า นายพันธ์ธวัชเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็ง และใต้ภูเขาน้ำแข็ง และใต้ภูเขาน้ำแข็งมีเงินหมุนเวียน
ผิดปกติจำนวนมาก
ส่วนกรณีกลุ่มบุคคลที่โอนเงินมาให้นายพันธ์ธวัชนั้น ทำธุรกิจประเภทใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี อีกทั้งทั้งยังมีการตั้งข้องสังเกตว่าเงินดังกล่าว ยังถือเป็นเงินที่ยังไม่ผิดไม่ผิดกฎหมาย แต่แค่ตั้งข้อสงสัยในเบื้องต้นไว้ก่อน โดยนายพันธ์ธวัชต้องชี้แจงถึงที่มาของเงินดังกล่าวด้วย
โดย 39 เส้นทางเป็นแคชเชียร์เช็ค และเฉพาะ 7 คนนี้มีเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจ 1,000 กว่าล้านที่ตรวจพบ ขณะที่นายพันธ์ธวัช เจ้าหน้าที่เรียกมาให้ปากคำและนำหลักฐานมาจี้แจงในคดี 6/66 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 26 ม.ค. นี้ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาขยายผลหาบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตามถ้าหากวันนี้พยานทั้ง 7 คน ไม่มาให้ปากคำบางรายจะถูกออกหมายจับเนื่องจากเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เรียกมาให้ปากคำ และเมื่อเวลา 10.40 น. นายกฤษ ชลาธรทรัพย์ ดีเจและหุ้นส่วนร้านโอมากาเสะ เดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยานตามหมายเรียกของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI แผนกคดียาเสพติด เดินทางมาให้ปากคำเป็นคนแรกในวันนี้
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline