- 23 ม.ค. 2566
เมียหลวงช้ำใจ ผัวอดีตทหารอากาศ ถูกรางวัลที่ 1 ต่อมาเสียชีวิต ก่อนถูกเมียน้อยบุกถึงบ้าน บังคับเซ็นเบิกบำนาญ ฮุบสมบัติ...
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง บ้านเลขที่20/688 เขตสายไหม กทม. พบกับนาง จันทร์เพ็ญ เพ็ชรวงศ์ อายุ 66 ปี เล่าให้สื่อฟังว่า ตนเองแต่งงานกับสามีตอนอายุ 17 ปี โดยสามีทำงานเป็นข้าราชการทหารอากาศ หลังแต่งงานตนเองกับสามีได้เปิดร้านขายอาหาร อยู่ในค่ายทหารอากาศย่านสะพานใหม่ จนกระทั่งเมื่อปี 2553 สามีกับตนเอง ถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมา 6,000,000 บาท ตนเองกับสามีก็เลยจัดเลี้ยงฉลองให้กับคนแถวบ้านที่มาแสดงความยินดี จากนั้นสามีก็นำเงินที่ถูกหวยไปซื้อรถยนต์กระบะ ซื้อที่ดินในจังหวัดสุพรรณ และซื้อบ้านในจังหวัดปทุมธานี โดยใส่เป็นชื่อของสามีไว้
ต่อมาเมื่อปี 2554 ได้มีแม่ค้าขายไก่ทอดมาติดพันกับสามีตนเอง เพราะเห็นว่าสามีตนเองมีเงินถูกวันที่1 ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่า 2 คนนี้แอบคบกัน เพราะฝ่ายหญิงได้มีสามีอยู่แล้ว จนมีอยู่วันหนึ่งสามีตนเองได้หายออกจากบ้านไป
และได้ไปอยู่กินกับหญิงสาวคนดังกล่าว และได้ลาออกจากข้าราชการทหาร จากนั้นทั้งคู่ได้พากันไปอยู่ที่อื่น ตนเองทราบข่าวจึงโมโห บอกให้สามีตนเองมาหย่าร้างให้เสร็จสิ้น แต่สามีไม่ยอมหย่า ตนเองจึงใช้ชีวิตอยู่กับพี่-น้องผู้หญิงล้วน 3 คนมาโดยตลอดตั้งแต่วันนั้น พอระยะเวลาผ่านไป3-4ปี สามีตนเองติดต่อกลับมาว่าจะมาขอหย่ากับตนเอง แต่ตนเองไม่หย่าให้ ทางสามีกับเมียน้อยก็ขู่ว่าจะฟ้องหย่าตนเอง แต่แล้วก็ไม่ได้ฟ้องหย่า แล้วก็เงียบหายไป
จนกระทั่งเมื่อปี 255 เมียน้อยของสามีได้เดินทางมาหาตนเองที่บ้าน บอกว่าสามีของตนเองเสียชีวิตแล้ว และนำเอกสารมาให้เซ็น เพื่อจะไปเบิกเงินบำนาญของสามีที่เป็นข้าราชการทหารอากาศ แต่ตนเองไม่เซ็นให้ เนื่องจากสิทธิตรงนี้ตนเองต้องได้รับ จากนั้นทางเมียน้อยได้ยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก ตนเองไม่มีความรู้ในด้านกฎหมายจึงจ้างทนายความมาสู้คดี และถูกทนายความรียกเงินไปเป็น 100,000 บาท เงินที่เก็บไว้กินไว้ใช้จึงหมด ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ตนเองและเมียน้อย ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก แต่ฟังเมียน้อยกลับครอบครองทุกอย่างไว้คนเดียว และยังนำรถยนต์ที่สามีตนเองซื้อไว้ไปเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อของเมียน้อยอีก
ตอนนี้ชีวิตตนเองลำบากมาก อาศัยอยู่กับพี่น้องผู้หญิง 3 คน ที่อายุมากกันแล้ว ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวสารกิน กว่าจะได้ข้าวสารมาหุงแต่ละครั้ง ต้องไปเข้าแถวรอรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้งจากหน่วยงานต่างๆ ต้องไปนอนรอเป็นวันวัน เพราะคนมารับบริจาคกันเยอะ ตนเองอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เพราะตนเองไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร ตอนนี้เงินจะขึ้นรถเมล์ไปศาลยังไม่มีเลย ที่ผ่านมาตนเองเคยไปยื่นเรื่องที่ยุติธรรมจังหวัดสุพรรณบุรีมาแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเพื่อนบ้าน ที่บ้านอยู่ติดกับนางจันทร์เพ็ญ ได้ข้อมูลว่า ตนเองรู้จักกับป้าจันทร์เพ็ญและสามีมานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ถูกหวยรางวัลที่1 เลย ทั้งคู่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน สามีมีอาชีพเป็นทหาร ส่วนป้าจันทร์เพ็ญมีอาชีพขายอาหารในกรมทหาร ตนเองยืนยันว่าขณะที่สามีภรรยาคู่นี้ถูกแล้ววันที่1 ได้อยู่กินด้วยกันที่นี่ และรักกันดี จนกระทั่งผ่านไป 1ปี สามีของป้าจันทร์เพ็ญได้หายออกจากบ้านไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสัมภาษณ์ ป้าจันทร์เพ็ญ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้าน เนื่องจากได้เดินทางไป นอนรอรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้งที่มูลนิธิย่านมีนบุรี ผู้สื่อข่าวต้องเสี่ยงดวงมาอีกหนึ่งวัน เนื่องจากป้าจันทร์เพ็ญไม่มีโทรศัพท์ใช้
จึงไม่สามารถติดต่อป้าจันทร์เพ็ญล่วงหน้าได้
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline