- 07 ก.พ. 2566
นร.ป.5 นำ น้ำต้มกระท่อม จาก รุ่นพี่ ป.6 หลอกน้อง ป.1 ดื่ม บอกเป็นชาเขียวยี่ห้อดัง ก่อนน้องมึนหัว จะอาเจียน แล้วหลับสนิท
นร.ป.5 นำ น้ำต้มกระท่อม จาก รุ่นพี่ ป.6 หลอกน้อง ป.1 ดื่ม ก่อนน้องมึนหัว แล้วสลบ : กำลังเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อมีรายงานเหตุการณ์ พี่ ป.5 นำน้ำต้มกระท่อม จาก รุ่นพี่ ป.6 หลอกน้อง ป.1 ดื่ม บอกเป็นชาเขียวยี่ห้อดัง ก่อนเด็ก ป.1 มึนหัว จะอาเจียน แล้วหลับสนิทบนรถตู้
ตามรายงานระบุว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ผู้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ Plyfha เข้าไปพิมพ์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก แจ้งข่าวชาวร้อยเอ็ด ว่า "ขออนุญาตนะคะ น้องบนรถตู้ที่สนิท ถูกรุ่นพี่ ป.5 เอาน้ำกระท่อม ซึ่งเป็นของรุ่นพี่ ป.6 โดยน้องได้เล่าว่า รุ่นพี่ ป.5 หลอกน้องว่าเป็นน้ำชาเขียวยี่ห้อดัง
โดยน้องได้รับน้ำกระท่อมเข้าสู่ร่างกายประมาณหนึ่ง ตอนนี้น้องมีอาการมึนหัว อยากอาเจียน และหลับสนิทหลังจากขึ้นรถ รบกวนขอความเป็นธรรมให้น้องทีนะคะ ขอบคุณค่ะ ปล.น้องอยู่ ป.1/2 ค่ะ" หลังจากนั้น มีข้อความมากมายเข้าไปต่อว่าการกระทำของรุ่นพี่ ป.5
ขณะเดียวกัน พ่อของเด็กหญิงอายุ 24 ปี ได้เล่าว่า ตอนนั้นตนก็เพิ่งรู้ มีน้องที่ขึ้นรถไปโรงเรียนด้วยกันเป็นคนโพสต์ ตนจึงรู้ว่าน้องโดนเอาน้ำท่อมให้ดื่ม เพราะตอนน้องกลับมาบ้าน เขาไม่กล้าบอกผู้ปกครอง พอรู้ข่าวเลยถามน้อง น้องบอกว่าเขานั่งรอรถโรงเรียนจะกลับบ้าน มีน้องผู้ชายซึ่งเป็นพี่ ป.5 เดินมาแล้วถามน้องว่า "กินโออิชิไหม"
พอน้องดื่มเข้าไปแล้ว เขาถึงบอกว่าเป็นน้ำกระท่อม เหมือนน้องโดนรุ่นพี่แกล้งหลอกให้ดื่ม หลังจากที่น้องดื่มเข้าไป น้ำกระท่อมมันเลยออกฤทธิ์ ทำให้น้องมีอาการมึนหัว อยากอาเจียน และหลับไปตามภาพที่ปรากฏ ซึ่งตนอยากให้ทางโรงเรียนมีมาตราการที่คุมเข้มเกี่ยวกับกัญชา หรือน้ำกระท่อม มากกว่านี้ โรงเรียนก็ดีมีชื่อเสียง อยากให้ทางโรงเรียนเข้มงวดกับการที่ปล่อยให้เด็กนำน้ำกระท่อมมาดื่มในโรงเรียน
"โชคดีที่น้องดื่มเข้าไปในปริมาณที่ไม่มาก แค่สลบไป แต่ถ้าดื่มมากกว่านี้อาจจะอันตรายต่อชีวิตได้ ตอนนี้อาการของน้องดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังมีอาการตื่นกลัวอยู่เล็กน้อย กลัวที่ว่าจะให้ใครเอาอะไรมาให้ดื่มอีก"
พ่อของเด็กหญิงยังระบุอีกว่า ตนจะเดินทางไปโรงเรียน และอยากให้เชิญผู้ปกครองของนักเรียน ป.5 มาพูดคุย เพื่อตักเตือนไม่ให้นำน้ำกระท่อมไปให้ใครดื่มอีก และจะหารือกับทางโรงเรียนหามาตราการที่เข้มงวดในการดูแลเด็กนักเรียนให้มากกว่านี้ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นตนเองคงจะใช้วิธีรับส่งน้องด้วยช่วงเช้าให้ไปโรงเรียนกับรถรับส่งโรงเรียน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline