กางของกลางสาวชิงรถคุณตา ผลักลงกลางทางด่วน อ้างตกใจจู่ๆเอื้อมมาหา

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี, พ.ต.ท.ภราดร สุวรรณรัตน์ รรท.รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี, พ.ต.ท.ปกป้อง อุไรพันธุ์ สว.สส.สน.ลุมพินี ขออนุญาตรายงานเหตุที่น่าสนใจ ดังนี้
 

ตามที่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จาก นายมงคงรัตน์ ญานะ อายุ 74 ปี ชาวจ.ชลบุรี ผู้เสียหาย ว่าผู้เสียหายรับจ้างขับรถจากลูกค้าหญิงไทย ที่เรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น BOLT จากปั๊มน้ำมันในอำเภอเมืองชลบุรี ให้มาส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยระหว่างทางขณะมาถึงบริเวณทางราบบ่อนไก่ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ปรากฎว่าลูกค้าคนดังกล่าว ใช้กำลังและชิงเอารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีดำ ทะเบียน กรุงเทพฯ หลบหนีไปนั้น

หลังฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้ง ได้ออกสืบสวนเหตุดังกล่าวจาการตรวจสอบสารบบตรวจจับหมายเลขทะเบียน ( License Plate ) ตามเส้นทางที่คนร้ายขับผ่านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานเอกชนตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี

และจากการซักถามเหตุการณ์ผู้เสียหาย จนกระทั่งทราบตัวหญิงผู้ก่อเหตุ นำไปสู่การตรวจยึดรถคันถูกประทุษร้ายคืนแก่ผู้เสียหาย และนำตัวหญิงผู้ก่อเหตุ มายัง สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะผู้ก่อเหตุหลบหนีไปในพื้นที่ ตำบลตาดกลอย อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มเก่า ภ.จว.เพชรบูรณ์

โดยสามารถตรวจยึดของกลาง ได้แก่

1.รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ สีดำ ทะเบียน กรุงเทพ จำนวน 1 คัน
2.โทรศัพท์ ยี่ห้อ ซัมซุง A20 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
3.พระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่น ส.ก. จำนวน 1 องค์
4.พระเครื่องหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เนื้องาแกะ รุ่นปี 15 จำนวน 1 องค์
5.ล็อกเก็ต รัชกาลที่ 9 เลี่ยมทอง น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 องค์
6.พระเครื่องสมเด็จคะแนน รุ่นปี 2403 เลี่ยมทอง น้ำหนัก 20 กรัม จำนวน 1 องค์

ซึ่งเป็นสิ่งของที่ถูกประทุษร้ายไปในรถคันดังกล่าวคืนแก่ผู้เสียหายจนครบถ้วนไว้แล้ว

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การว่า ตนเองได้เรียกรถจากผู้เสียหายจริง โดยขอเป็นผู้ขับขี่เองเนื่องจากมีภารกิจเร่งด่วน เมื่อขับรถมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุผู้ต้องหาอ้างว่า จู่ๆ ผู้เสียหายได้บอกว่าขอขับเองและเอื้อมตัวมาทางผู้ต้องหาทันที ตนเองตกใจคิดว่าจะถูกทำร้ายจึงได้เกิดการยื้อกระชากกัน หลังเหตุดังกล่าว ตนเองตกใจจึงขับรถหลบหนีไปยังที่พักของตน   

โดยฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาแล้วไม่พบว่าเคยถูกจับกุมดำเนินคดีอาญาแต่อย่างใด ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline