- 23 ก.พ. 2566
พ่อพุด กอดลูกทั้งน้ำตา เสียใจเตือนแล้วไม่ฟังให้ออกห่าง นิ่ม ยอมใจโดนฝากขังยังบอกรักและเชื่อใจเมีย แม่ลั่นไม่ประกัน
พ่อพุด กอดลูกทั้งน้ำตา เสียใจเตือนไม่ฟัง โดนฝากขังยังบอกรักและเชื่อใจ นิ่ม : ติดตามความคืบหน้า น้องต่อ8เดือนหายปริศนา หลังจากที่ ตำรวจได้ ตั้งข้อหา พุด เป็นธุระจัดหาพาภรรยาตัวเองให้เพื่อนพ่อ ส่วน ลุงแจ้ โดนข้อหากระทำชำเรา - พรากผู้เยาว์ พร้อมกันนี้ บิ๊กโจ๊ก ยังเผยอีกว่า นิ่ม แม่น้องต่อ พูดเท็จทุกเรื่อง หลังเพิ่งรับไม่มีชายเสื้อเหลือง อีกทั้งยังมีรายงานว่า หมออนามัยยืนยันว่า เด็กไม่สบาย อุณหภูมิร่างกายสูง 39 องศา แนะนำให้ไปโรงพยาบาล แต่ไม่ยอมพาไป กลับนำลูกกลับบ้าน
ข่าวน้องต่อล่าสุด เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะมีการ ส่งตัวของนายแจ้และนายพุด หลังเจ้าหน้าที่นำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม ก็มี แม่จำเนียร และ นายสุบิน แม่และพ่อของพุด เดินทางเยี่ยมและให้กำลังใจ หลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายพุดและลุงแจ้ออกจากห้องขัง ซึ่งได้นอนแยกคนละห้องกัน ซึ่งนำทั้งสองใส่กุญแจมือไปด้วยกัน เดินลงมาชั้นล่าง ทั้งนี้นายพุดได้เปิดใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกส่งตัวฝากขังที่ศาล
นายพุด บอกเพียงว่า ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ส่วนเรื่องของชายเสื้อเหลือง ต้องไปถามนิ่มเอง เพราะไม่ได้ไปเห็นกับนิ่มด้วย เป็นคำบอกเล่าของนิ่ม ส่วนเรื่องของน้องต่อที่หายตัวไป ตนไม่มีอะไรจะบอก เท่าที่ถามนิ่มเกี่ยวกับชายเสื้อเหลืองนั้น นิ่มบอกว่าคิดขึ้นมาเองในหัว แต่เรื่องลูกหายไม่เห็นว่าใครเป็นคนอุ้มไป แต่ได้ถามนิ่มแล้วเกี่ยวกับชายเสื้อเหลือง นิ่มก็ไม่ยอมบอก ตนคิดว่านิ่มอาจจะพูดเรื่องจริงก็ได้
พร้อมกันนี้ พุด เผยว่า ยังรักและเชื่อนิ่ม แม้จะโกหกเรื่องชายเสื้อเหลือง ซึ่งพุดเคยเตือนนิ่มว่าหากเรื่องไหนไม่ใช่เรื่องของเรา ก็ไม่ต้องเอามาพูด พูดแค่เรื่องที่เรารู้ก็พอ พุดบอกตามตรงว่าไม่รู้เจตนาของนิ่มจริงๆ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว ยังถามต่อว่าพุดคิดว่าเป็นเรื่องซวยไหมที่มาเจอคนอย่างนิ่ม พุดบอกว่า เป็นความผิดของเราอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องซวย ณ วันนี้เชื่อว่ามีคนมาเอาลูกไป แม้จะไม่มีชายเสื้อเหลืองตามที่นิ่มสารภาพ ส่วนประเด็นเรื่องคราบเลือดที่ติดอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงิน ตนไม่ทราบ
ขณะที่พุดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านข้าง ลุงแจ้มีสีหน้าครียดและพยายามเบือนหน้าหนีตลอดเวลา หลังจากผู้สื่อข่าวพุดคุยกับพุดเสร็จ จึงหันไปถามลุงแจ้ ลุงแจ้บอกว่า วันนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องยอมรับ จากนั้นเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่และเดินขึ้นรถ เพื่อนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม
ขณะที่ตำรวจกำลังคุมตัวนายพุดและนายแจ้ขึ้นรถคุมขัง เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม ปรากฏว่า นายสุบิน อายุ 67 ปี พ่อของพุด เดินเข้าให้กำลังใจลูกชาย พร้อมทั้งสวมกอดทั้งน้ำตา ซึ่งนายพุดปลอบใจพ่อ บอกว่า ไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก่อนที่ตำรวจจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะกลัวฝากขังไม่ทันเวลา
ด้าน นายสุบิน เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจมากจนพูดอะไรไม่ออก ที่ลูกชายถูกแจ้งข้อหา ที่ผ่านมาตนพยายามเตือนลูกชายแล้ว ให้ออกห่างจากนิ่ม แต่ลูกชายรักภรรยาคนนี้มาก จากเหตุการณ์ทั้งหมดตนมองว่า ลูกสะใภ้ไม่ยอมพูดความจริง ถ้าพูดความจริงคงจบเรื่องไปนานแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนไม่มีเงินไปประกันลูกชาย คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม
ก่อนหน้านี้ จำเนียร แม่ของพุด ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จะไม่ประกันตัวลูกชาย เพราะทำผิดให้ยอมรับผิดไป ตอนนี้อยากเจอหลานมาก พร้อมบอกนิ่มว่า "เปิดออกมาเลย มีอะไรบอกแม่ จะได้จบเรื่องสักที อย่าปิดบังแม่ อยากให้ผัวติดคุกหรอ บอกไปเลยลูกอยู่ไหน คนอื่นเดือดร้อนกันหมดแล้ว พร้อมบอกว่า เสียใจที่ยังหาหลานไม่เจอ และพ่อเด็กยังมาติดคุกอีก
อย่างไรก็ตาม แม่ของพุด ยังเคยบอกอีกว่า สงสัยทำไมลูกชายโดนแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ เพราะไปสู่ขอตามประเพณี ไม่ได้ไปฉุดผู้หญิงมา ครอบครัวรู้ทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกัน น.ส.นิ่ม ตอบแม่ของพุดว่า "สงสาร ไม่อยากให้พุดลำบาก แต่ไม่รู้จริงๆ"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline