รวบแล้ว มือลั่นไก เถ้าแก่เจ้าของรถหัวลาก สารภาพสิ้นสาเหตุรัว 8 นัด

รวบแล้ว มือลั่นไก เถ้าแก่เจ้าของรถหัวลาก ดับคาออฟฟิศ สารภาพสิ้นสาเหตุเกิดจากอะไร หลังรัวใส่ยับ 8 นัดติด....

จากกรณีที่เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายชาตรี กลั่นกลึง อายุ 47 ปี เถ้าแก่เจ้าของที่ดินให้เช่าเป็าลานจอดรถลาก  กว่า 8 นัด นอนเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ ซึ่งในเวลาต่อมาตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุคือ นายบุญมา เม่นคง อายุ 45 ปี  ซึ่งเป็นผู้เช่าใช้พื้นที่ลาดจอดดังกล่าวเป็นจุดจอดรถลากและตั้งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับพักอาศัย 

 

รวบแล้ว มือลั่นไก เถ้าแก่เจ้าของรถหัวลาก สารภาพสิ้นสาเหตุรัว 8 นัด

 

ในข่วงเช้าวันนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสำรวจจุดเกิดเหตุ ไม่พบว่ามีใครอยู่ในพื้นที่ มีเพียงเยาวชนชายอายุประมาณ 13 ปี รายหนึ่ง ที่เดินเข้ามาให้ข้อมูลกับทีมข่าว โดยไม่ขอให้มีการบันทึกภาพใดๆว่า เมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองพักอาศัยอยู่ไม่ไดลจากจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด  พอเดินมาดูพร้อมผู้ใหญ่ ก็พบว่าเถ้าแก่เจ้าของลานจอดลงมานอนที่พื้นและมีบาดแผลถูกยิงหลายนัด

 

ซึ่งตนเองได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่าคนยิงคือ ลุงบุญมา ที่พักอาศัยอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ในจุดเกิดเหตุ โดยสาเหตุตนเองก็ได้ยินผู้ใหญ่ พูดคุยกันว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวแฟนของลุงบุญมา ที่ไปมีลักษณะเชิงชู้สาวกับเถ้าแก่ ขณะที่ในเวลาต่อมามีรายงานว่าเมื่อช่วงเวลา 03:00 น. ของคืนที่ผ่านมา นายบุญมาผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน. ร่มเกล้า เป็นที่เรียบร้อย

 

รวบแล้ว มือลั่นไก เถ้าแก่เจ้าของรถหัวลาก สารภาพสิ้นสาเหตุรัว 8 นัด

โดยพันตำรวจเอกกฤษณ์พนธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผู้กำกับการ สน.ร่มเกล้า ระบุว่า เบื้องต้นหลังจากรับมอบตัวผู้ต้องหาพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ก่อนจะมีการคุมตัวให้ไปยังจุดที่มีการทิ้งปืนไว้ ซึ่งผู้ต้องหา ได้ทิ้งอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้าใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ตำรวจสามารถ ยึดอาวุธปืนดังกล่าวได้เป็นที่เรียบร้อย 

ขณะที่สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาว ที่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจที่ผู้ตายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวในเชิงชู้สาวกับภรรยาตนเอง จึงก่อเหตุดังกล่าวด้วยความคับแค้น ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.ร่มเกล้า ได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

 

 

 

 

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline