- 21 มี.ค. 2566
จากกรณีซีเซียม137ถูกขโมยก่อนส่งหลอมที่โรงหลอมเหล็กในกบินทร์บุรี ล่าสุด สธ.เผยข้อมูลน่าตกใจว่าอีก 30 ปีข้างหน้า สารจะสลายตัวไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
จากกรณีซีเซียม-137 ที่สูญหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งใน นิคมอุตสาหกรรม 304 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ ปราจีนบุรี ก่อนมาพบที่โรงหลอมเหล็กในกบินทร์บุรีและพบอีกว่าถูกบดและหลอมไปแล้ว ทำให้น่าห่วงถึงผลกระทบจากสารเคมีอันตรายที่จะส่งผลต่อร่างกายและสภาพแวดล้อม เนื่องจากสารก่อมะเร็งจะถูกแพร่กระจายออกมา และในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมเผย 3 กลุ่มอาการเสี่ยงที่อาจมีผลเกี่ยวเนื่องกับซีเซียม137 ได้แก่
1.อาการทางผิวหนัง เนื้อเยื่อ ว่ามีการระคายและเกิดอาการเนื้อตายหรือเปล่า
2.คนมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
และ 3.กลุ่มอื่นๆ เช่น มีเม็ดเลือดขาวผิดปกติเป็นกลุ่มก้อน เนื่องจากเม็ดเลือดขาวคุณสมบัติแบ่งเซลล์ไว
ส่วนทางด้านการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ต้องรอให้สำนักงานปรมาณูฯ ระบุความชัดเจนก่อน ซึ่งมาตรการเฝ้าระวังของ สธ. ยังระบุเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ จนกว่าสำนักงานปรมาณูฯ จะออกประกาศการควบคุมออกมา ซึ่งอนุภาคของกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่สามารถประเมินได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้เครื่องมือวัดอนุภาคของสารเท่านั้น
นอกจากนี้ นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่มีการแจ้งว่า ซีเซียม-137 หายไปตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี
สำหรับอนุภาคของสารซีเซียม-137 มีค่าครึ่งชีวิตนานถึง 30 ปี หมายความว่ากว่าสารดังกล่าวจะสลายไปได้ร้อยละ 50 นั้นต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี ขณะที่การวัดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สธ.ไม่สามารถทำได้ ต้องใช้เครื่องมือของสำนักงานปรมาณูฯ
ส่วนการวัดว่าคนได้รับผลกระทบจากอนุภาคของกัมมันตรังสี จะใช้การตรวจวัดจากปัสสาวะว่าสารดังกล่าวตกค้างในร่างกายหรือไม่ ซึ่งระบบการตรวจวัดต้องจำกัดคน จำกัดพื้นที่ ทำให้ห้องปฏิบัติการมีความรัดกุม