ทำความรู้จัก แอมโมเนีย สูดมากเสี่ยงตาบอด - หัวใจล้มเหลว แนะวิธีแก้พิษ

ประโยชน์เยอะ โทษแยะ รู้จัก 'แอมโมเนีย' สูดมากเสี่ยงตาบอด เกิดหัวใจล้มเหลว วิธีแก้หากมนุษย์สัมผัสโดนผัวหนังแม้ไม่ตั้งใจ

ทำความรู้จัก แอมโมเนีย สูดมากเสี่ยงตาบอด - เกิดหัวใจล้มเหลว แนะวิธีแก้พิษเบื้องต้น : สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เกิดเหตุสารแอมโมเนียรั่ว ภายในโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกต่างประเทศแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สารแอมโมเนียรั่วมาจากส่วนของไลน์การผลิต และฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งภายในโรงงาน และบริเวณโดยรอบโรงงาน ซึ่งมีบ้านเรือนชาวบ้านอาศัยอยู่

 

ทำความรู้จัก แอมโมเนีย สูดมากเสี่ยงตาบอด - เกิดหัวใจล้มเหลว แนะวิธีแก้พิษเบื้องต้น

จากเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่ามีผู้สูดดมสารแอมโมเนียเข้าไปหลายสิบคน บางรายมีอาการอาเจียน เวียนศีรษะ บางรายอาการรุนแรงถึงขึ้นหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ขณะที่ทีมช่างของทางโรงงานเร่งเข้าไปแก้ไขจุดที่มีสารแอมโมเนียรั่วออกมาอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบมากไปกว่านี้ ส่วนสาเหตุยังต้องรอการสอบสวนอีกครั้ง

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าวไทยนิวส์ได้สืบค้นข้อมูลพบว่า แอมโมเนีย (Ammonia) เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ประกอบด้วย ธาตุไนโตรเจน (N) 1 อะตอม และไฮโดรเจน (H) 3 อะตอม ถือเป็นก๊าซเป็นพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งเป็นก๊าซไม่มีสีที่ระคายเคืองสูงและมีกลิ่นฉุนรุนแรงเฉพาะตัว 

 


ตามรายงานระบุว่า มีการผลิตแอมโมเนียประมาณ 170 ล้านตันทุกปี และ 80% ของแอมโมเนียถูกใช้เป็นสารเคมีพื้นฐานสำหรับปุ๋ยไนโตรเจน แอมโมเนียส่วนมากจะเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสทางผิวหนัง ดวงตา และการสูดดม แต่บางกรณีอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานได้เช่นกัน

 


แต่ก๊าซแอมโมเนียไม่คงอยู่ในสิ่งแวดล้อมนาน เพราะผลิตขึ้นจากการสลายตัวตามธรรมชาติของสารอินทรีย์ ดังนั้น แอมโมเนียจากสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้นในระดับต่ำมากจึงไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ จึงทำให้เกิดคำถามที่ว่า แอมโมเนียอันตรายแค่ไหน? หากสูดแอมโมเนียมากเกินไปหรือแอมโมเนียความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดความผิดปกติได้หรือเป็นพิษได้

 

ทำความรู้จัก แอมโมเนีย สูดมากเสี่ยงตาบอด - เกิดหัวใจล้มเหลว แนะวิธีแก้พิษเบื้องต้น

อาการจากการสัมผัสแอมโมเนียทางผิวหนังและดวงตาจะทำให้เกิดอาการแสบร้อน , แสบตาและจมูก , เป็นแผลพุพอง ระคายเคือง , น้ำตาไหล , จามและไอ และอาจมีอาการปวดศีรษะด้วย แต่ที่แย่ที่สุด คือ สูญเสียการมองเห็นเมื่อสัมผัสถูกดวงตา หากสูดดมและได้รับแอมโมเนียผ่านการรับประทานปวดแสบปวดร้อนภายในช่องปาก คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งในระดับที่รุนแรง ผู้คนอาจประสบปัญหาในการหายใจติดขัด หายใจไม่ออก เจ็บหน้าอก และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจอย่างแรง ทำให้เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้ง่าย


สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจอื่นๆ อาจมีความไวต่อผลกระทบของแอมโมเนียมากกว่า อีกทั้งผู้ที่สัมผัสและทำงานเกี่ยวข้องกับแอมโมเนียต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)


ทั้งนี้สารแอมโมเนียก็เป็นสารเคมีที่จำเป็นต่อมนุษย์และมีประโยชน์เช่นกัน โดยนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมย้อมผ้า, ยา, เส้นใยสังเคราะห์, พลาสติก, ปุ๋ย, วัตถุระเบิด, อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง, สารทำความเย็น, โรงกลั่นน้ำมัน และไอศกรีม รวมถึงนิยมในวงการแพทย์สำหรับสูดดม ช่วยอาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียนศรีษะ ในอนาคตอาจใช้แอมโมเนียในระบบกักเก็บไฮโดรเจนและเชื้อเพลิง

 

ข้อควรกระทำหากพบว่ามีแอมโมเนียรั่วไหล

- รีบย้ายออกจากบริเวณที่เกิดก๊าซแอมโมเนียรั่ว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ขณะอยู่ในอาคารให้ปิดและล็อกประตูและหน้าต่างทุกบาน ปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลม และเครื่องทำความร้อน
- ถอดเสื้อผ้าที่อาจมีแอมโมเนียออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นใส่เสื้อผ้าของคุณลงในถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้แน่น
- อย่าจับต้องถุงพลาสติก และรอคำแนะนำในการกำจัดอย่างถูกวิธี
- ล้างแอมโมเนียออกจากผิวหนังอย่างรวดเร็วด้วยสบู่และน้ำผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจอื่นๆ อาจมีความไวต่อผลกระทบของแอมโมเนียมากกว่า
- ถอดและทิ้งคอนแทคเลนส์
- ล้างแว่นตาด้วยสบู่และน้ำก่อนสวมใส่
- อย่าใช้สารฟอกขาวเพื่อขจัดแอมโมเนียออกจากผิว


อย่างไรก็ตาม แอมโมเนียมีทั้งประโยชน์และโทษอยู่ไม่น้อย หากผู้ที่ทำงานโรงงานหรือใกล้ชิดกับก๊าซแอมโมเนียควรหมั่นตรวจสอบปริมาณ - แอมโมเนียในสถานที่ทำงานอยู่สม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน โรงงาน และสิ่งแวดล้อม

ทำความรู้จัก แอมโมเนีย สูดมากเสี่ยงตาบอด - เกิดหัวใจล้มเหลว แนะวิธีแก้พิษเบื้องต้น

ข้อมูลจาก DW, GOV.UK, Pobpad, CDC, New York State Department of Health
ภาพจาก ศูนย์กู้ชีพกู้ภัยมัชฌิมา หาดใหญ่ 合艾斗母宫援救队