- 03 เม.ย. 2566
ชูวิทย์มาให้กำลังใจ ทนายอนันต์ชัย ลุยฟ้อง สันธนะ หมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน โดนให้สัมภาษณ์สื่อกล่าวว่าเป็น "ไอ้ทนายมหาโจร"
3เม.ย.66 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางไปศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยมีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเดินทางมาให้กำลังใจ หลังโดนกล่าวหาว่า เป็น "ไอ้ทนายมหาโจร" -"ไอ้ทนายฝึกหัด"
โดย ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์ และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลายสำนัก ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกล่าวหาตนเองว่าเป็น “ไอ้ทนายมหาโจร” “ไอ้ทนายฝึกหัด”
ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 คำว่า “มหา” หมายความว่า ใหญ่ หรือยิ่งใหญ่ และคำว่า “โจร” หมายความว่า ผู้ร้ายที่ลักขโมย หรือปล้นสะดมทรัพย์สินผู้อื่น
ดังนั้น คำว่า “ไอ้ทนายมหาโจร” จึงมีความหมายว่า “ทนายความที่มีพฤติกรรมชั่วร้ายยิ่งกว่าโจรที่ลักขโมย หรือปล้นสะดมทรัพย์สินผู้อื่น” ทำให้ประชาชนที่ได้ฟัง หรืออ่านข้อความการให้สัมภาษณ์ของนายสันธนะ เข้าใจว่าตนเองเป็นทนายความที่มีความประพฤติไม่ดี มือไม่สะอาด ไม่สุจริต เข้าข้างคนผิด มีพฤติกรรมชั่วร้ายยิ่งกว่าโจรที่ลักขโมย หรือปล้นสะดมทรัพย์สินผู้อื่น
ทั้งที่ความจริง กว่า 37 ปีที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในการประกอบวิชาชีพทนายความ ไม่เคยเข้าข้างคนผิด ไม่เคยเป็นทนายความให้โจร ตรงกันข้ามตนเองประพฤติตนเป็นพุทธมามกะช่วยเหลือ ดูแล บำรุง รักษาพระพุทธศาสนา เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม มีปณิธานธำรงไม่ทำลายพุทธศาสนา ซึ่งประชาชน และพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศทราบดี
ส่วนคำว่า “ไอ้ทนายฝึกหัด” มีความหมายตามที่วิญญูชนทั่วไปเข้าใจว่า หมายถึงคนที่เพิ่งเป็นทนายใหม่ๆ ทนายที่ไม่มีประสบการณ์ ใครจ้างว่าความย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการแพ้คดี เพราะเป็นทนายที่เพิ่งเรียนจบ มีประสบการณ์น้อย ซึ่งความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะว่าตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี - ระดับปริญญาโท และเนติบัณฑิตไทย / จบการศึกษากฎหมายชั้นสูงจากสถาบันวิชาชีพกฎหมายชั้นสูง สภาทนายความ อีกทั้งประกอบวิชาชีพทนายความมานานกว่า 37 ปี
โดยเปิดบริษัทชื่อ “บริษัท กฎหมายอนันต์ชัย ไชยเดช จำกัด” ซึ่งตนเองเป็นทนายความ รับว่าความแก้ต่างให้แก่ลูกความผู้มีชื่อเสียง ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนมากมาย รวมทั้งทำคดีช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้ได้ความเสมอภาคกับผู้อื่น ตามที่เป็นข่าวลงในสื่อทุกประเภท
ดังนั้น การกระทำของนายสันธนะ จึงเป็นการใส่ความ เหยียดหยาม ด้อยค่าการประกอบวิชาชีพทนายความ และทำให้ตนเองเสียชื่อเสียง จึงได้ยื่นฟ้องนายสันธนะ พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน จำนวน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระหนี้แล้วเสร็จ และให้นายสันธนะ จ่ายค่าธรรมเนียม และค่าทนายความแทนด้วย
นอกจากนี้ ขอให้นายสันธนะ จ่ายโฆษณาคำพิพากษา และคำขอโทษตนเองเป็นเวลา 7 วัน ผ่านสื่อโทรทัศน์ 10 สื่อ / สื่อหนังสือพิมพ์ 14 สื่อ / และสื่อออนไลน์ 21 สื่อ รวม 45 สื่อ ด้วย