แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ

แม่จีจี้ สุพิชชา ให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางรับร่างลูกสาว เผยพ่อแม่อิคคิวติดต่อมาขอโทษ ทั้งนี้แม่จีจี้และพ่อเผยว่าพ่อแม่อิคคิวเคยยอมรับว่า "คุมลูกไม่อยู่"

วันที่ 20 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวเผยบรรยากาศหน้าห้องสุดท้ายหรือห้องเก็บศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดีตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา สื่อมวลชนต่างมารอทำข่าวการเดินทางมารับศพจีจี้ สุพิชชา และอิคคิว ภูมิพัฒน์ ซึ่งมีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ ทางครอบครัวของจีจี้ สุพิชชา ได้เดินทางไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่คอนโดย่านอโศก ต่อมาเวลาประมาณ 10:20 ทางครอบครัวบางส่วนของจีจี้ สุพิชชา ได้เดินทางมาเพื่อติดต่อขอรับศพและนำชุดเสื้อผ้าของจีจี้มาเปลี่ยน ทั้งนี้ยังไม่ปรากฎว่ามีญาติของอิคคิว ภูมิพัฒน์ เดินทางมาติดต่อขอรับศพแต่อย่างใด

สื่อมวลชนได้สอบถามเบื้องต้นจากพ่อของจีจี้ สุพิชชา ระบุว่า ทางคุณพ่อยังคงคาใจกับประเด็นเรื่องอาวุธปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่า เหตุใดนายภูมิพัฒน์ ซึ่งมีอายุเพียง 19 ปี ถึงมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองได้อย่างไร ซึ่งตนได้ถามประเด็นนี้กับพนักงานสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า ปืนที่อิคคิวใช้ก่อเหตุ ทราบว่าเป็นปืนที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่บอกว่าใครเป็นเจ้าของอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว พ่อจึงอยากได้รับคำตอบจากตำรวจว่า เจ้าของปืนคือใครและไม่รู้ว่าจะไปสอบถามใคร จึงอยากขอให้สื่อมวลชนสอบถามตำรวจที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าของปืนนี้มีความผิดหรือร่วมรับผิดชอบกับการก่อเหตุครั้งนี้ด้วยหรือไม่ เพราะพ่อเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ คนนึงที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป อยากได้รับคำตอบเพื่อความยุติธรรมแก่ลูกสาวของตัวเอง 

 

แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ

 

สื่อมวลชนได้ติดต่อสอบถามไปยัง พล.ต.ท.อาชนน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงประเด็นที่ทางครอบครัวของจีจี้ สุพิชชา ยังคงคาใจในประเด็นเรื่องอาวุธปืน โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตามหลักแล้วจะต้องมีการสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนว่า เจ้าของปืนกระบอกนี้รู้เห็นหรือทราบว่านายภูมิพัฒน์จะเอาปืนมาใช้หรือไม่ หากสอบสวนแล้วทราบว่าปืนที่นายภูมิพัฒน์เอามาใช้ถูกขโมยมาก็จะไม่มีความผิด แต่ถ้าหากพบว่า เจ้าของปืนยินยอมให้นำปืนไปใช้หรือมีส่วนรู้เห็นสนับสนุน ก็มีความผิดฐานสนับสนุนให้ก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตรวจสองเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้รอการสอบสวนอย่างชัดเจน แล้วจะแถลงแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

โดย น.ส.ชุติกาญจน์  แม่จีจี้ กล่าวว่า ตนยังติดใจเรื่องพ่อของ นายอิคคิวที่ให้ลูกพกอาวุธปืน ซึ่งตนก็รับรู้ว่าลูกคบกับนายอิคคิว แต่ได้เลิกรากันไปแล้วครั้งนึง ก่อนจะกลับมาคบกันแต่ครั้งนี้ตนได้พยายามเตือนลูก เพราะเป็นห่วงแต่น้องจีจี้ก็ไม่พูดความจริงว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่ช่วงหลังน้องกลัวแม่จะเป็นห่วง จึงบอกว่าคบกันดี ปกติ แต่เพื่อนของจีจี้จะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางฝั่งพ่อแม่น้องจีจี้ และฝั่งพ่อแม่นายอิคคิว ก็มีการติดต่อกันตลอด เพราะไม่อยากให้ลูกคบกัน แต่ด้วยความที่เด็กทั้งสองคนดื้อก็พยายามจะคบกันให้ได้ ส่วนตัวตนไม่อยากให้คบ เนื่องจาก นายอิคคิวเป็นคนที่อารมณ์รุนแรงชอบยิงปืน มักไปยิงปืนเป็นประจำ ตนจึงกลัวว่าวันนึงพกปืนมาแล้ว หากทะเลาะกันในห้องระหว่างอยู่กันลำพังสองคน โดย ที่ไม่มีใครห้าม ตนก็เคยเตือนลูกไปแล้ว แต่น้องจีจี้ ตอบว่าไม่มีหรอก

 

แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ

 

น.ส.ชุติกาญจน์  กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางฝั่งครอบครัวของนายอิคคิว ก็ได้มาขอโทษ ก็มีการคุยกันแต่ตนก็ขอรับศพลูกให้เสร็จก่อน ตนก็เข้าใจในความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ต้องเสียลูกไปเช่นกัน ซึ่ง ก่อนเกิดเหตุมีการโทรติดต่อกันตลอดกับครอบครัวในอิคคิวเนื่องจากติดต่อลูกไม่ได้ ตั้งแต่คืนก่อนเกิดเหตุ โดยปกติน้องจีจี้จะอ้างว่าอีก 3-4 ชั่วโมงจะโทรกลับ แต่มาครั้งนี้ผ่านไปหลายชั่วโมงไม่อ่านไลน์ จนมาถึงช่วงประมาณเที่ยงตนจึงเอะใจ จึงรีบขับไปดู แต่ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับพ่อแม่ฟังนายอิคคิวตลอด ซึ่งทางบ้านในอิคคิวก็บอกกับตนว่าติดต่อนายอิคคิวไม่ได้ จึงพยายามให้ตน โทรหา น้องจีจี้ให้ ซึ่งตนก็ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไร เนื่องจากว่าน้องจีจี้ มักบอกกับตนว่าคุยกันดีมีความสุขดี จนมาทราบจากเพื่อนของจีจี้ว่าหลังๆ น้องเริ่มกลับมาทะเลาะกับนายอิคคิว 

 

แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ

 

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวอีกว่า มันเป็นความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนก็พยายามห้ามลูกสาว ซึ่งตนพูดอะไรไม่ออก ส่วนเรื่องอื่น เรื่องคดีความค่อบคุยที่หลัง แต่ตอนนี้ ต่างคนก็ส่งลูกไปขึ้นสวรรค์ก่อน  อยากบอกกับน้องจีจี้ว่า " หนูไปสบายแล้วนะไปเกิดเป็นนางฟ้านะลูก ให้ลูกหมดห่วง แม่ก็จะทำให้ดีที่สุด พยายามส่งศพน้องไปให้ดีที่สุด " 

ส่วนการก่อเหตุเรื่องของบุคคลที่ 3 นั้นตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน พอเป็นเรื่องที่สองคนทะเลาะกัน ซึ่งปกติมักทะเลาะกันเป็นประจำและจะทำร้ายร่างกายกัน ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวงและเกิดจากความอารมณ์ร้อน ส่วนในอิคคิวมีอาการป่วยหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ทางพ่อแม่ของนายอิคคิวเคยบอกกับตนว่า "เอานายอิคคิวไม่อยู่ เพราะเลี้ยงลูกแบบตามใจ ทำให้ระงับอารมณ์ลูกไม่อยู่"

นางสาว ชุติกาญจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนอาวุธปืนที่นายอิคคิวใช้ ตนคิดว่าเมื่อซ้อมยิงปืนเสร็จพ่อนายอิคคิวน่าจะเอาปืนกลับบ้าน ตนไม่คิดว่าจะพกปืนออกมาแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่จีจี้ก็ได้ไปฝึกยิงปืนกับนายอิคคิวด้วย ซึ่งล่าสุดหลังสงกรานต์จีจี้ก็ได้ฝึกยิงปืนกับนายอิคคิวด้วย แต่คิดว่าหลังฝึกยิงคงให้คนขับรถนำปืนไปเก็บไว้ที่บ้านไม่คิดว่าจะพกมาแบบนี้ 

 

แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ

 

นายกีรติ พ่อเลี้ยงกล่าวว่า ลูกอายุเพียง 19 ไม่ควรให้พกปืนและไม่น่าจะเข้าสนามปืนได้ ซึ่งตนก็ไม่ค่อยรู้กฎหมาย 

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวด้วยว่า สุดท้ายตนอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหากจะให้เจรจาก็ยอมได้เพราะก็ไม่อยากให้ใครสูญเสีย ซึ่งตั้งแต่ลูกคบกันก็มีการคุยกันดีมาตลอด และก็ไม่ยินยอมให้ลูกมาคบกัน แต่ถ้าคุยกันแล้วไม่ลงรอยก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง

 

แม่จีจี้ เล่าเสียงสั่น พ่อแม่อิคคิวยอมรับคุมลูกไม่อยู่ เพราะเลี้ยงตามใจ