ทนายอนันต์ชัย ประกาศปิดวัดพระธาตุพนม ลุยแหลก พ่อค้า - แม่ค้า รุกธรณีสงฆ์

จากที่ก่อนหน้านี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม แจ้งจับ แม่ค้ายึดที่หน้าวัดพระธาตุพนม รุกธรณีสงฆ์วัดพระธาตุพนม อ้างทำค้าขายมาหลาย 10 ปี ไม่ยอมรับมติวัดพระธาตุพนมจัดระเบียบ 

โดยทนายอนันต์ชัยแจงข้อเท็จจริง ต้องทำตามระเบียบสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว หนุนพระธาตุพนมสู่มรดกโลก ผู้ประกอบการทุกรายต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน แจ้งดำเนินคดีข้อหาบุกรุก พบมีมาเฟียอยู่เบื้องหลัง หวังผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยว

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของ ทนายอนันต์ชัย ได้โพสต์แจ้งว่า "ประกาศ ปิดวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร 1 เดือน ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าสักการะองค์พระธาตุพนม เนื่องจาก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร จะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีพ่อค้า แม่ค้า ช่างถ่ายภาพ คนขายล็อตเตอรี่ ไม่ได้ทำตามระเบียบของทางวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร  

และในการประกอบอาชีพอันสุจริต อีกทั้งมีการก่อความวุ่นวาย ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งบริเวณภายใน - ภายนอก ของวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ตามที่ปรากฏเป็นข่าว 

วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร จึงมีความจำเป็นต้องจัดระเบียบการบริหารภายใน-ภายนอก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร ใหม่ทั้งหมด จึงขอปิดวัดเพื่อดำเนินการดังกล่าว  เป็นเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป หรือจนกว่าระเบียบเรียบร้อย

ผมไม่อนุญาตให้ใครเข้าสักการะองค์พระธาตุพนม ผมทำเพื่อชาวจังหวัดนครพนม และคนไทยทั้งประเทศ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงครับ โปรดเข้าใจตามนี้ จึงขอแจ้งมายังประชาชน ข้าราชการทุกท่านทราบโดยทั่วกัน 

หมายเหตุ การปิดวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร ในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการนครพนมหรือใครก็ตามไม่มีอำนาจทั้งสิ้น ใครก็ตามสั่งเปิดผมจะดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุกคน เมื่อพวกท่านแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็อย่ามาสร้างปัญหาครับ ผมขอร้อง ผมขอฟ้องพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม และประชาชนทั้งประเทศมา ณ ที่นี้ด้วย  

และสำหรับพ่อค้า แม่ค้า ที่ผมแจ้งความ ต้องถูกดำเนินคดีทุกคนไม่มีละเว้น ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธาตุพนม ละเว้น ผมจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแทน ไม่เชื่อลองดู !!!
ขออภัยในความไม่สะดวก

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม/ไวยาวัจกร/ประธานคณะกรรมการบริหารฯ/ประธานบริหารภายใน-ภายนอก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร)
วันที่ 4 พฤษภาคม 2566"

 

ขอบคุณภาพจาก วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และ ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช