- 19 พ.ค. 2566
แม่พามอบตัว หนุ่มกร่างอ้างเป็นหลานนักการเมืองชื่อดังเชียงใหม่ ค้นบ้านเจอปืน 13 กระบอก พบผู้เสียหายอื่นเข้าแจ้งความเพิ่ม
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก กรณีหนุ่มกร่าง แอบอ้างเป็นหลานนักการเมืองชื่อดังเชียงใหม่ ชักปืนขู่คู่กรณีกลางสี่แยกไฟแดง เหตุไม่พอใจถูกบีบแตรใส่เพราะขับปาดหน้า ขณะที่ผู้เสียหายนักธุรกิจลูกครึ่งไทย-เยอรมัน หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลัง นำหลักฐานคลิปกล้องหน้ารถเข้าแจ้งความเอาผิดทันที
แต่ทว่า ตำรวจกลับนำภาพคนอื่นมาให้ชี้ตัว หวั่นมีการสลับตัว แถมผู้ก่อเหตุโพสต์เย้ยอ้างเคลียร์ตำรวจได้ พร้อมข่มขู่จะยิงทิ้ง จนเกรงกลัวไม่รับความปลอดภัย ขุดโซเชียลพบโพสต์ภาพถ่ายกับอาวุธปืนเป็นประจำ แม้กระทั่งพกเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิงชื่อดังย่านนิมมานฯ ชนิดไม่ยำเกรงกฎหมาย ชี้ชัดปล่อยปละละเลยอาจกลายเป็นภัยสังคมร้ายแรงก่อเหตุสลดอย่างไม่คาดฝัน จี้ต้องเร่งกำจัดตัดไฟแต่ต้นลม
ในขณะช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ดอยสะเก็ดได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของผู้ที่ก่อเหตุ ในพื้นที่อำเภดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ผลจากการตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องหา แต่พบอาวุธปืนจำนวนมากทั้งปืนสั้น ปืนยาวหลายขนาด จำนวนมากถึง 13 กระบอกด้วยกัน
เบื้องต้นพบว่าเป็นปืนที่มีใบอนุญาต เป็นของผู้ก่อเหตุจำนวน 3 กระบอก และของพ่อผู้ก่อเหต 8 กระบอกซึ่งเป็นชื่อผู้อื่นซื้อขายแล้วไม่มีการโอน จึงได้ตรวจยึดและดำเนินคดี ในข้อหาครอบครอบอาวุธปืนของผู้อื่น ต่อมาแม่ ผู้ก่อเหตุได้พา นายสิทธิพัฒน์ อายุ 25 ปี เข้ามอบตัวกับ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้ก่อเหตุเองยอมรับว่าบุคคลในคลิป
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาร่วมสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งนายสิทธิพัฒน์ รับสารภาพว่า ที่ก่อเหตุไปเพราะเกิดจากความโมโห ที่ถูกบีบแตรรถใส่ โดยอ้างว่าผู้เสียหายชูนิ้วกลางให้ และเปิดกระจกตะโกนต่อว่ากัน แต่พอจังหวะจอดรถปาดหน้าแล้ว ตนจึงเตรียมอาวุธปืนไว้เพื่อป้องกันตัว หวั่นจะถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้นำปืนออกมาเตรียมไว้
หลังสอบปากคำ พล.ต.ต.ธวัชชัย เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุรับสารภาพทั้งหมดว่าเป็นคนในคลิป จริง เบื้องต้นบอก ไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ ฝากขอโทษสังคม และชาวเชียงใหม่ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ส่วนอาวุธปืนทั้ง 13 กระบอกนั้น เป็นของพ่อ 2 กระบอก ของตัวเอง 3 กระบอก และที่เหลืออีก 8 กระบอก เป็นของคนอื่น มีการซื้อขายกันแล้วแต่ยังไม่ได้โอน ก็ถือว่ามีความผิดที่ครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่น
เจ้าหน้าที่ แจ้งข้อหา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และข้อหาทำให้ตกใจกลัว ทั้งนี้ก็ได้สั่งให้สืบสวนเพิ่มเติม กรณีที่โพสต์ภาพคู่อาวุธปืน สืบเนื่องจากที่บ้านทั้งพ่อ และตัวผู้ก่อเหตุชอบอาวุธปืน และพ่อเป็นนักกีฬายิงปืน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะทำเรื่องเพิกถอนใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนด้วย วันเดียวกัน พบว่ามีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกข่มขู่คุกคาดในลักษณะเดียวกันเข้าแจ้งความเพิ่มเติม หลังจากติดตามข่าว และพบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุกัน
นาย ชัยคูณ อายุ 20 ปี ผู้เสียหายอีกรายที่ เผยว่า วันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลา 18.00 น. ตนขับรถมาตามทางชิดฝั่งขวาเพื่อที่จะยูเทิร์นแต่รถนายสิทธิพัฒน์ ได้ขับมาขับรถปาดหน้า บริเวณแยกศาลเด็ก และขับรถเบียดกันมาตามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์-เชียงใหม่-ลำปาง ก่อนจะมาปาดหน้าที่บริเวณแยกเทพปัญญา หลังจากนั้นก็เปิดกระจกรถตะโกนด่าทอ
จากนั้นนายสิทธิพัฒน์ ได้ลงมาจากรถ และตะโกนเรียกตนให้ลงจากรถ หนำซ้ำ ยังพยายามจะเปิดประตูรถ แต่ตนล็อครถ และแง้มกระจกเพื่อพูดด้วยเท่านั้น หลังจากนั้น เพื่อนอีกสองคนของนายสิทธิพัฒน์ ลงมาทุบรถ และพยายามข่มขู่ ด้วยว่า "เดี๋ยวยิงทิ้งแม่ง" แต่ตนไม่ยอมลงจากรถ หลังจากนั้นทั้งหมดก็กลับขึ้นรถแล้วขับรถออกไป
หลังจากนั้นตน ก็มาทบทวนว่าไปทำผิดตรงไหน และย้อนกลับไปดูคลิปกล้องหน้ารถ ก็ไม่พบว่าขับรถไปกระทบกระทั่งหรือปาดหน้ากันตรงจุดไหน มีเพียงจุดก่อนเกิดเหตุที่นายสิทธิพัฒน์ ขับรถปาดหน้า และตนก็บีบแตรส่งสัญญาณเตือนเท่านั้น แต่หลังจากที่เห็นข่าว ก็พบว่าเป็นคนๆ เดียวกัน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวน่าจะเป็นบุคคลที่อันตรายต่อสังคม จึงได้นำหลักฐานที่เป็นคลิปกล้องหน้ารถ แจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คนในข้อหาข่มขู่ทำให้ตกใจ
อย่างไรก็ตามในโลกออนไลน์ได้มีการขุดคลิปที่นายสิทธิพัฒน์ ได้โพสต์ลงโซเชียลซึ่งส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างแสดงออกถึงความรุนแรง ทั้งคลิดที่อวดอาวุธปืน คลิปอวดภาพยิงปืน คลิปอวดรวย อวดเงิน และยังมีคลิปดูดกัญชา อีกด้วย